สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานกรรมการคดีพิเศษเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 2/2566 ณ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้เสนอแนวทางปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามการกระทำผิด ตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เพื่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษทราบและรับข้อแนะนำนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยมีคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ตลอดระยะเวลาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2566 มีการรับคดีกว่า 138 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 52,000 ล้านบาท แต่การกระทำความผิดยังมีแนวโน้มสูงขึ้น ซับซ้อนขึ้นและเกิดความเสียหายในวงกว้างมากขึ้น มีบุคคลหลากหลายอาชีพเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมถึงดารานักแสดงและบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม

พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้ทำโครงการวิจัยเชิงคุณภาพกับกลุ่มผู้เสียหาย พบว่านักลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ถึงร้อยละ 85 รู้หรือมีเหตุอันควรรู้ว่าธุรกิจที่ตนเองร่วมลงทุนเป็นแชร์ลูกโซ่ แต่คาดหวังว่าหากร่วมลงทุนและถอนการลงทุนได้ทันก่อนแชร์ล้มจะได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งเป็นกรณีที่มุ่งเอาประโยชน์ที่มิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเงินผลตอบแทนธุรกิจแชร์ลูกโซ่มาจากเงินของผู้ลงทุนคนหลังที่นำมาหมุนเวียนจ่ายคนก่อนหน้า และยังเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดแชร์ลูกโซ่ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน เป็นเหตุให้กองคดีธุรกิจนอกระบบ จึงมีแนวคิดส่งข้อมูลกลุ่มนักลงทุนที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวให้สำนักงาน ปปง. ใช้มาตรการทางแพ่งเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในการยึดทรัพย์ เพื่อเสนอต่อศาลแพ่งในการมีคำสั่งยึดเพื่อนำมารวมเป็นทรัพย์ที่จะเฉลี่ยแก่ผู้เสียหายที่แท้จริง ซึ่งนอกจากจะเป็นการติดตามทรัพย์สินมา เพื่อเฉลี่ยคืนผู้เสียหายได้มากขึ้นแล้ว ยังมีผลเป็นการป้องปรามนักลงทุนที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว ได้ตระหนักและไม่กล้าลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่อีกทางหนึ่งด้วย จึงได้เสนอมาตรการดังกล่าวต่อคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อทราบซึ่งได้เห็นชอบและมีข้อแนะนำเพิ่มเติม

พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการคดีพิเศษ ยังได้รับทราบและให้ข้อแนะนำในเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะขับเคลื่อนวาระแห่งชาติเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยร่วมกับฝ่ายปกครอง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในการป้องกันปราบปรามลงในระดับพื้นที่เพื่อมิให้การกระทำผิดขยายวงจนเกิดความเสียหายลุกลาม

ทั้งนี้ พ.ต.ต.วรณัน ระบุปิดท้ายว่า กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้และการปฏิบัติงาน บนพื้นฐานความสำเร็จร่วมกัน มีความมุ่งมั่นในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ที่เกี่ยวกับธุรกิจการเงินนอกระบบอย่างมืออาชีพ มีวิสัยทัศน์ และใส่ใจให้บริการ.