กรณีทีมข่าวเฉพาะกิจ “เดลินิวส์” ได้รับเรื่องร้องเรียนถึงพฤติกรรมของตำรวจนอกรีต สังกัด ภ.จว.นครศรีธรรมราช ที่ไล่จับผู้มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดแล้วเรียกรับเงินแลกกับการปล่อยตัว ก่อนจัดฉากบันทึกตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน อ้างผู้ต้องหาหลบหนี ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ฉาวอีก! ร้องตรวจสอบ ตร.จับคดียา รีดเงินผู้ต้องหาแลกปล่อยตัว

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีภารกิจปฎิบัติราชการที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 8 จ.สุราษฎร์ธานี โดย ผบก.นครศรีธรรมราช แจ้งว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นทางวาจาจาก ผกก. โรงพักเกิดเหตุแล้ว และได้มีคำสั่งให้รายงานข้อเท็จจริงเป็นการด่วนแล้ว ซึ่งหลังจากปรากฏเป็นข่าว ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ และสอบถามข้อเท็จจริงทันที

อย่างไรก็ตาม สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มตำรวจนอกรีตกลุ่มนี้ จะทำงานกันเป็นขบวนการ โดยมีกลุ่มตำรวจ 4 นาย 1 นายเป็น รอง สว.สส. ส่วนอีก 2 นายเป็น รอง สว.ป. และชั้นประทวน 1 นายที่ช่วยราชการงานสืบสวน ร่วมกับพลเรือน 2 คน ซึ่งเป็นอาสาสมัครตำรวจ เหตุการณ์ครั้งล่าสุด ตามบันทึกการตรวจยึด ระบุว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 66 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ได้ออกตรวจพื้นที่ โดยใช้รถยนต์เช่าของทางราชการตำรวจ ออกตรวจพื้นที่และได้พบรถยนต์คันที่ตรวจยึด จากนั้นได้ทำการขอตรวจค้น แต่ผู้ต้องหาได้ทิ้งรถไป โดยเจ้าหน้าที่ได้ไล่ติดตาม แต่ผู้หาหลบหนีไปได้ จึงทำการตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย 1.ยาบ้ารวมจำนวน 16,583 เม็ด
2.แว่นตาสีดำ 1 อัน 3.รองเท้าแตะนันยางสีขาว 1 คู่ 4.อุปกรณ์การเสพทำด้วยขวดพลาสติก 1 ชุด 5.รองเท้าผ้าใบสีแดง-ขาว 1 คู่ 6.เอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ชุด 7.เอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด 8.รถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่นดีแม็ก 1 คัน

โดยระบุว่า ตรวจยึดได้ที่บริเวณสวนปาล์มแห่งหนึ่ง ใน จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย. 66 เวลา 00.21 น. จึงมีรายงานบันทึกประจำวันรับคดีของพนักงานสอบสวน โดยรายละเอียดของบันทึกประจำวัน มีการระบุรายละเอียดของผู้ต้องหาหลบหนี รวมถึงรายละเอียดของรายการของกลาง

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า หลังการตรวจยึดของกลาง และนำของกลางพร้อมบันทึกตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนของกลุ่มผู้จับกุม ได้ถูกพนักงานสอบสวนปฎิเสธรับคดี เนื่องจากพนักงานสอบสวนมีความเห็นว่า บันทึกการตรวจยึดไม่รัดกุมและมีช่องว่างให้ไม่สามารถสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดได้ และเป็นวันเดียวกับที่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของตำรวจทั้ง 4 นาย.