เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายวรินทร วัตรสังข์ หรือ “แอนนา ทีวีพูล” อินฟูลเอนเซอร์ชื่อดัง พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เพื่อมารายงานตัว และขอคำปรึกษาในกรณีที่จะเยียวยาชดใช้ผู้เสียหาย หลังตกเป็นผู้ต้องหาจากกรณีเปิดขายกล่องสุ่มทอง ถูกผู้เสียหายแจ้งความเอาผิด เพราะกล่องสุ่มดังกล่าวกลับกลายเป็นเพียงกล่องสุ่มทิพย์ ซึ่งรวมยอดความเสียหายมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และถูกแจ้งข้อกล่าวหาข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา

แอนนา วรินทร กล่าวว่า ในวันนี้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเรื่องรายงานตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจและมีกระแสข่าวว่าได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไปยัง สปป.ลาว พร้อมกันนี้ได้มาติดตามความคืบหน้าคดี และขอคำปรึกษาทางพนักงานสอบสวนเพื่อเยียวยาผู้เสียหายในคดี หลังช่วงเช้าได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายไปหลายราย และบางรายได้รับเงินคืนไปแล้ว ในส่วนผู้เสียหายที่ได้แจ้งความไว้ที่ บก.สอท.1 มีด้วยกัน 9 ราย มูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถเปิดเผยถึงข้อมูลหรือรายละเอียดได้ ต้องรอพนักงานสอบสวนสรุปความเสียหายทั้งหมดก่อน แต่ยืนยันว่า ขณะนี้ตนเองได้พยายามติดต่อไปยังผู้เสียหายทุกคน และทยอยคืนเงินค่าเสียหายทั้งหมดให้กับทุกคนแล้ว ซึ่งได้มีการพูดคุยและหาจุดกึ่งกลางจนเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย จึงมาแจ้งกับทางพนักงานสอบสวนให้รับทราบ เพื่อที่จะนัดผู้เสียหายมาคืนเงินต่อหน้าพนักงานสอบสวน

นอกจากนี้ประเด็นสำคัญที่เดินทางเข้ามาพบตำรวจในวันนี้คือ มีกระแสข่าวว่า ตนเองจะหลบหนีไปยังเมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อหลบหนีคดีดังกล่าว ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ตนเองได้รับความเดือดร้อน จึงต้องเดินทางเข้ามาพบกับทางตำรวจไซเบอร์เพื่อรายงานตัว และแสดงความจริงใจ พร้อมทั้งให้เบอร์โทรศัพท์และบุคคลที่สามารถติดต่อได้โดยตรง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือถูกดำเนินคดีใดๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้เจ้าตัวยืนยันว่าจะไม่หลบหนีคดีดังกล่าวอย่างแน่นอน และจะทยอยคืนเงินให้กับผู้เสียหายครบทุกคน เพราะขณะนี้ตนเองมีเงินและทรัพย์สินพอที่จะทยอยคืนให้กับผู้เสียหายได้ทุกคน และเชื่อว่าถ้าหากหลบหนี ก็คงหนีเวรกรรมไม่พ้นและจะได้รับผลกระทบไปถึงครอบครัวของตนเองและลูกน้อง

ส่วนกรณีบุคคลที่ให้ข่าวว่าตนเองจะหลบหนีไปยัง สปป.ลาว นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวที่ให้ข้อมูลเสียหายต่างๆ เพราะมองว่าอาจเป็นความเข้าใจผิด หรืออาจเป็นความกลัวของกลุ่มผู้เสียหายว่าตนเองจะหลบหนี ซึ่งเป็นสิทธิที่สามารถเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่เกิดขึ้นรู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับโอกาสในการออกมาใช้ชีวิตทำงานหาเงินคืนผู้เสียหาย เพราะตัวแอนนาเชื่อเรื่องบุญบาป เป็นไปได้ก็อยากจะคืนเงินให้ผู้เสียหายให้เร็วที่สุด.