เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่สำนักงานสายไหมต้องรอด นายชินพัฒน์ โชคชนะ อายุ 51 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บจากการถูกคนร้ายในคราบผู้โดยสารก่อเหตุใช้ขวานจามหวังเอาทรัพย์สินจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือทางคดีจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด

นายชินพัฒน์ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.30-21.00 น. ระหว่างที่ตนกำลังจะขับแท็กซี่กลับเข้าบ้านพัก เมื่อถึงซอยนวลจันทร์ 16 ได้พบชาย 1 ราย สวมเสื้อผ้าร่มสีเหลือง-ดำ เป็นพนักงานบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง โบกเรียกให้ไปส่งที่ซอยลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตนจึงขับไปส่งแต่เมื่อถึงทางด่วน ผู้โดยสารบอกให้ตนจ่ายค่าทางด่วนไปก่อน เมื่อถึงที่หมายจะโอนจ่ายให้ จากนั้นเมื่อถึงที่หมาย ยอดเงินรวม 511 บาท ตนก็ได้ให้เขาสแกนจ่ายตามต้องการ แต่เขากลับโอนจ่ายมาเพียง 57 สตางค์ อ้างว่าแอปพลิเคชันธนาคารมีปัญหา และเขาก็ขอสแกนโอนอีกครั้ง และโอนจ่ายมาเพียง 1.50 บาท และอ้างดังเดิมว่าแอปพลิเคชันธนาคารมีปัญหา โอนจ่ายไม่ได้

และเขาก็ออกอุบายให้ตนขับไปหาร้านสะดวกซื้อเพราะจะมีตู้เอทีเอ็มสำหรับกดเงินสด กระทั่งวนขับออกถนนใหญ่เพราะเขาบอกกับตนว่าจะมีร้านสะดวกซื้อที่มีตู้เอทีเอ็มอยู่ ตนจึงขับเลี้ยวไปตามคำบอกเล่า ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่ามีตู้เอทีเอ็มจริง แต่ไปจอดหน้าตู้ไม่ได้เพราะมีรถจอดขวางอยู่ ซึ่งบริเวณดังกล่าวก็มีคนอยู่ ทำให้เราสบายใจขึ้น แต่ในขณะที่กำลังวางเบรกมือเพื่อจอดนั้น จู่ๆ ก็หัวทิ่มลงไปที่คอนโซลหน้ารถ โดยไม่รู้สึกตัวใดๆ รู้แค่ว่าชาไปหมด จึงหันไปมองเห็นว่าเขากำลังง้างอาวุธทำร้าย โดยฟันเข้าที่คอข้างซ้าย ช่วงต้นใบหูข้างซ้าย และที่แขน โดยฟันซ้ำๆ ไม่หยุด ตนพยายามปลดตัวเองออกจากเข็มขัดนิรภัย และตะเกียกตะกายลงจากรถ เขาก็ยังกระหน่ำฟัน จนตนหนีออกมาได้ เขาก็ยังไล่จะทำร้าย จนตนได้รับความช่วยเหลือจากวินมอเตอร์ไซค์ และคนร้ายก็รีบขับรถแท็กซี่ของตนหนีไป

นายชินพัฒน์ กล่าวอีกว่า จากนั้นตนโทรฯหาภรรยา เพื่อให้โทรฯ แจ้งไปยังสำนักงานเจ้าของรถแท็กซี่ให้ระงับสัญญาณรถ เพราะรถถูกโจรกรรม สุดท้ายตำรวจไปพบว่ารถถูกจอดทิ้งไว้ที่ริมถนนกาญจนาภิเษก ทล.9 (ตะวันออก) กม.16 มุ่งหน้าจังหวัดชลบุรี ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และตนก็เข้ารับการรักษาที่รพ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลบาดลึกยาวที่ศีรษะ เย็บ 8 เข็ม ส่วนช่วงคอข้างซ้าย เย็บไป 6 เข็ม และแขนถูกฟันจนเอ็นฉีกขาด รวมเย็บกว่า 20 เข็ม ทั้งหน้าอกก็ถูกฟันด้วย แต่ติดสายคาดเข็มขัดอยู่ ไม่อย่างนั้นอกคงฉีกไปแล้ว และตนก็ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม ที่ รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง

จากนั้นเมื่อออกจาก รพ. ซึ่งนอนได้ 2 คืน เพราะตนห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ครอบครัว และคดีความ จึงได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา จนรถแท็กซี่ของตนสามารถตรวจยึดมาได้ ก่อนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ แต่กลับถูกแจ้งข้อหาเบาๆ เท่านั้น คือ ข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งตนก็มองว่าพฤติกรรมหวังเอาชีวิตของคนร้าย ข้อกล่าวหาเพียงเท่านี้มันไม่ครอบคลุม รวมถึงพนักงานสอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา ก็ไม่เคยโทรศัพท์มาเรียกตนไปสอบปากคำ และตนก็ไม่รู้ว่าสิทธิประโยชน์ที่จะได้จากหน่วยงานของรัฐเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ตนจึงอยากให้สายไหมต้องรอดช่วยเหลือเรื่องคดีความว่าข้อกล่าวหาควรเป็นอย่างไร และอยากให้เขาได้รับโทษจนถึงที่สุดจะได้ไม่ไปก่อเหตุกับคนอื่น

ด้าน น.ส.นัทรียา โชคชนะ หลานสาวผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนได้เดินทางไปสอบถามพนักงานสอบสวนที่ สภ.พระอินทร์ราชา เพื่อถามความคืบหน้าทางคดีและตัวคนร้าย แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า “จับก็จับให้แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก” และบอกตนด้วยว่า “มีสิทธิอะไรจะไปดูหน้าคนร้าย” สุดท้ายตนจึงรู้ว่าคนที่ทำร้ายลุงของตนคือ นายสราวุฒิ อายุ 24 ปี ซึ่งตนไม่คาดคิดว่าจะถูกเจ้าหน้าที่กล่าวเช่นนี้ เราเป็นผู้เสียหาย เราก็หวังได้รับการช่วยเหลือเต็มที่

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กล่าวว่า ตนได้ประสานไปยัง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ทราบว่าท่านจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเรียกคุณลุงไปสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อจะได้ดำเนินคดีและแจ้งข้อหาตามพฤติการณ์ความผิดให้ครอบคลุมทั้งหมด และตนจะประสานกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินเยียวยา และหากคุณลุงและครอบครัวหวาดกลัวก็จะประสานเรื่องการจัดชุดคุ้มครองพยานให้ด้วย ทั้งนี้ตนฝากไปยังเจ้าหน้าที่ที่พูดกับหลานคุณลุงว่าควรจะพูดจาอย่างไร เป็นข้าราชการกินเงินเดือนหลวง จะสื่อสารอะไรขอให้ใช้คำพูดที่เหมาะสม ต้องอัปเดตข้อมูลกับครอบครัวผู้เสียหายด้วย ไม่อย่างนั้นเขาก็จะต้องเดินทางไกลมาขอความเป็นธรรมกับตน นอกจากนี้ ตนยังได้รับข้อมูลด้วยว่าคนร้ายมีประวัติเคยก่อเหตุเผาหอพักในพื้นที่ อ.วังน้อย มาก่อน อาจมีเรื่องสารเสพติดด้วย ทาง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ก็จะดำเนินคดีในข้อหานี้ด้วย หากพบว่ามีการใช้สารเสพติดระหว่างก่อเหตุ.