เมื่อเวลา 15.30น. วันที่ 9 ก.ค. โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมใหญ่วิสามัญเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ล่มว่าหลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไร ว่า  จะต้องมีปรับเปลี่ยนการสื่อสารใหม่ทั้งภายในและภายนอก และหลังจากนี้ก็คงจะเป็นไปตามข้อบังคับพรรค ซึ่งรักษาการกรรมการบริหารพรรคเรียกประชุม โดยจะเป็นก่อนวันที่ 13 ก.ค.หรือไม่นั่นขึ้นอยู่กับ รักษาการกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้ดำเนินการให้ทัน ซึ่งระยะเวลา 60 วันเป็นข้อบังคับพรรคไม่ใช่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)

“วันนี้ถือเป็นเสน่ห์ของความเป็นประชาธิปไตยของพรรค ที่เป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งในเวลาเดียวกัน เพราะบางทีตนจะต้องเคารพ เสียงในการตัดสินใจของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จะทำอะไรจะต้องฟังเสียงของสมาชิกว่าจะเดินไปในทิศทางไหน ซึ่ง ซึ่งวันข้างหน้าตนก็หวังว่าพรรคจะเป็นพรรควันเดโมแครต หรือวันประชาธิปัตย์ให้ได้” นายนราพัฒน์ กล่าว

เมื่อถามว่า การแสดงจุดยืนแบบนี้แสดงว่าจะไม่ถอยใช่หรือไม่ นายนราพัฒน์  กล่าวว่า เจตนาของตนอยากเข้ามาบริหารจัดเปลี่ยนโครงสร้างข้อบังคับต่างๆในพรรค รวมถึงผนวกผู้อาวุโสกับคนรุ่นใหม่เข้าด้วยกัน ทั้งแนวความคิดและยุทธวิธีของคนรุ่นใหม่ ซึ่งตนคิดว่าอาจจะอยู่ในตำแหน่งอาจจะอยู่ในตำแหน่ง 1 ปีครึ่ง ไม่เกิน 2 ปี เพื่ออยากคืนอำนาจให้สมาชิกได้พิจารณาอีกครั้ง  เพราะวันนี้ในที่ประชุมได้พูดคุยกันว่าสัดส่วน 70:30 มันไม่เป็นธรรม วันนี้จึงถือเป็นโอกาสที่เราได้มาพูดคุยกันอีกครั้ง ให้กฎระเบียบกติกาเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากวันนี้เรายังเป็นแบบนี้ก็ถือว่าแพ้ภัยตัวเอง ฉะนั้นการสื่อสารภายในองค์กรถือเป็นเรื่องที่สำคัญ 

นายนราพัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ตนใช้เวลาตัดสินใจระยะหนึ่งที่เข้ามาเสนอตัวเข้ามาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งตนคิดไว้อยู่แล้ว แต่มีผู้ใหญ่มาทาบทามเสนอมุมมองและไอเดีย หาใครสักคนที่เป็นกลาง ที่สามารถพูดคุยกับทุกฝ่ายได้ เพื่อให้เรารวมกันเป็นหนึ่ง ตนจึงเห็นว่าเป็นเหตุผลที่สอดคล้องกันอยู่แล้ว และในวันข้างหน้าหากสามารถได้รับโอกาสจากสมาชิก สนับสนุนให้เป็นหัวหน้าพรรคก็ยินดีที่จะมาเป็นคนที่ขับเคลื่อนกฏร่างข้อบังคับหรือกติกาให้มีความทันสมัยต่อโลก.