เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ค. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1015/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ และนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามมาตรา 328 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ

โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2564 เวลากลางวัน และเวลากลางคืน จำเลยใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กว่า “เหรียญทอง แน่นหนา” ได้โพสต์ข้อความทำนองว่า การที่ สส. สิระ เจนจาคะ ผู้แทนเขตหลักสี่และสำนักงานเขตหลักสี่ ร่วมกันปิดทางเข้า รพ.สนามพลังแผ่นดิน เป็นการขัดขวางการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 และดูหมิ่นผู้เสียหายด้วยถ้อยคำหยาบคาย เป็นนักการเมืองที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่เหมาะสม ลงในเฟซบุ๊ก (facebook) ซึ่งตั้งค่าระบบเป็นสาธารณะเพื่อให้ประชาชนและบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และเมื่อได้อ่านข้อความดังกล่าวอาจเข้าใจว่า เป็นข้าราชการและนักการเมืองที่มีพฤติการณ์ไม่ดี ทำให้ได้รับความอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.

โดยวันนี้ นพ.เหรียญทอง พร้อมทนายความ จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าจำเลยย่อมทราบว่า การไปตรวจสถานที่ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ และนายสิระ โจทก์ร่วม เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน จำเลยสามารถอธิบายข้อเท็จจริงให้ฟังเท่านั้นก็ได้ แต่กลับไปโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น หรือติชมด้วยความเป็นธรรม เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม ซึ่งขณะนั้นเป็นคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ส่วนจำเลยเป็นบุคคลสาธารณะ มีผู้ติดตามบัญชีเฟซบุ๊กจำเลยจำนวนมาก การที่จำเลยโพสต์ข้อความกล่าวถึงโจทก์ร่วมย่อมเป็นที่กระจายไปสู่วงกว้างและย่อมเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงของโจทก์ร่วม การกำหนดค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดย สถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 วรรคหนึ่ง จึงเห็นควรกำหนดให้บางส่วน ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้เป็นเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับ 100,000 บาท รวม 2 กระทง คงจำคุก 2 ปี และปรับ 200,000 บาท เมื่อพิเคราะห์ถึงการกระทำของจำเลยแล้ว มีความมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือประชาชน และจำเลยประกอบคุณงามความดีแก่สังคม โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี โดยให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมเป็นเงิน 200,000 บาท.