เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ในช่วงเย็น ที่พรรคอนาคตใหม่ มีการประชุม ส.ส. เพื่อหารือถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วม อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นต้น จากนั้นช่วงค่ำ เวลา 18.50 น. ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคนต่างทยอยลงมาจากที่ประชุม ท่ามกลางสื่อหลายสำนักมารอเกาะติดสถานการณ์ โดยส.ส.ส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธให้สัมภาษณ์ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้รอฟังคำตอบจาก นายชัยธวัชเพียงคนเดียว

ต่อมาเวลา นายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีบางคนตำหนิการทำหน้าที่ประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ว่า ก็คงต้องให้กำลังใจ เดี๋ยวอีกสักพักคงเข้ารูปเข้ารอย อย่าพึ่งตำหนิกัน ต้องให้กำลังใจท่าน เมื่อถามถึงกรณีนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า บอกว่าถ้าเป็นนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 น่าจะตัดสินใจเด็ดขาดกว่านี้นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็ในมุมของตนก็คิดว่าใช่ แต่ว่ามุมมองคนก็ต่างกัน


เมื่อถามอีกว่า ช่วงท้ายของการประชุม นายวิโรจน์ พยามจะหารือกับประธานก่อนปิดประชุม นายวิโรจน์ กล่าวว่า อ๋อ ตนแค่จะย้ำให้ประธานสรุปให้ครบประเด็น พอประธานสรุปว่าห้ามเสนอชื่อซ้ำ ก็เห็นว่าอาจจะไม่ได้ครบถ้วน ตามข้อบังคับข้อที่ 41 ใช่หรือไม่ ข้อบังคับข้อสี่ 41 บอกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็เสนอเข้ามาใหม่ได้ ไม่ใช่ว่าห้ามเสนอชื่อซ้ำทุกกรณี แต่ว่าพอท่านประธานอาจจะสรุปสั้นสั้นเกินไปซึ่งตนคิดว่าก็คงเข้าใจตรงกัน แต่จริงๆคือมันต้องเป็นไปตามข้อบังคับข้อที่ 41 คือถ้าเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปและคำว่าเหตุการณ์มันไม่ได้มองแค่ตัวบุคคลอย่างเดียว มันก็ต้องมองถึงบริบทอื่นๆด้วย

เมื่อถามว่าแล้ววันนี้ในที่ประชุมส.ส.มีการ พูดถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และก็จะมีการเสนอชื่อนายพิธาซ้ำด้วยหรือไม่นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องที่ประชุมวันนี้ ให้ทางเลขาธิการพรรค ชี้เเจงดีกว่า เมื่อถามว่าการอภิปรายในวันที่ 27 ก.ค.เราเตรียมหมัดเด็ดอะไรไว้ นายวิโรจน์ ตอบว่าเบื้องต้นก็ต้องหารือกับ 8 พรรคก่อน ต้องเป็นไปตามมติ 8 พรรค ตรงนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากันเพราะว่าการเสนอชื่อมันไม่ได้เป็นการเสนอชื่อแบบก้าวไกลพรรคเดียว มันก็ต้องใช้ 8 พรรค ก็ต้องให้เกียรติ เบื้องต้นยืนยันว่าเราจะประคองความกลมเกลียวภาคี 8 พรรคร่วมให้แน่นแฟ้นที่สุด ตนเปรียบเทียบเสมอเหมือนจักรยาน8คัน เดี๋ยวก็รู้ว่าการ จะเข้าถึงเส้นชัยจักรยานมันก็ต้องผลัดกันผลัดกันตามแต่เป้าหมายคือ จักรยานทั้ง8 คันซึ่งเป็นจักรยาน8 คันแห่งความหวังของประชาชนคนไทย แล้วก็เข้าเส้นชัยไปด้วยกัน เมื่อถามว่าจักรยานคันไหนที่จะเลี้ยวโค้งก่อนนายวิโรจน์ตอบว่าไม่มีทุกวันนี้ ก็ยังขับกันอยู่เลย ฝ่ากระแสลม

เมื่อถามว่ามีการพูดถึงว่าจะดันก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านตรงนี้มองอย่างไร รู้สึกอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่รู้สึกอะไร ยังเชื่อมั่นใน 8 พรรคร่วมเสมอ ไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกหวั่นไหว เรายังมีแต่ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจกัน ไม่เอาประเด็นเล็กๆที่อาจจะเห็นไม่ตรงกันบ้างมาขยายผล ซึ่งมันต้องมีอยู่แล้วอย่าว่า 8 พรรคเลย 2 พรรค 2 คน ยังคิดไม่ตรงกันเลย แต่ถ้าเข้าอกเข้าใจกันอย่าไปอย่าไปขยายผลคิดว่าเราไปต่อได้เชื่อเถอะ.