เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้เดินทางถึงที่ทำการพรรค โดยเจ้าหน้าที่ได้รีบเชิญให้สื่อมวลชนขึ้นไปที่ชั้น 5  ของที่ทำการพรรค เพื่อรอการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ  รวมทั้งได้มีการปิดประตูโดยรอบพรรค และได้ประสานตำรวจจากสน.พหลโยธินให้เข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณอาคารที่ทำการพรรค เนื่องจากมีรายงานว่ากลุ่มทะลุวัง ได้เคลื่อนย้ายจากพรรคเพื่อไทยเพื่อมากดดันพรรค

โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคพปช. กล่าวว่า  ขออภัยที่ต้องย้ายสถานที่ในการแถลงข่าว หลังจากที่เลขาธิการพรรคพปชร.และทีมงานได้หารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยนายสันติจะเป็นผู้แถลงผลการหารือ

ด้าน นายสันติ  พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพปชร. แถลงผลการหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย ว่า ตนเอง และร.อ.ธรรมนัส รวมถึงนายไผ่  ลิกค์  ส.ส.กำแพงเพชร ได้รับการมอบหมายจากพรรคพปชร.ในการพูดคุย  ซึ่งการพูดคุยในวันเดียวกันนี้ เราได้รับความรู้สึกที่ดี และปรึกษากันอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งในหลักการดังกล่าว พรรคพปชร.ได้แจ้งทางพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคที่เราจะร่วมทำงานได้นั้นจะต้องเป็นพรรคที่ไม่แตะหรือมีแนวคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 หากพรรคใดมีแนวคิดดังกล่าว ทางพรรคเราไม่สามารถที่จะร่วมทำงานหรือบริหารบ้านเมืองด้วยได้ จึงได้ยืนยันกับทางพรรคเพื่อไทยไปว่าตรงนี้ และเราแสดงความเจตจำนงที่แน่วแน่ของเราแล้ว

เมื่อถามว่าการพูดคุยกันวันนี้ไม่เกี่ยวกับการร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่  นายสันติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการพูดคุยกัน ไปแสดงเจตจำนงว่าเราคิดอย่างไรในการรีบตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อบ้านเมืองหลังจากนั้นจึงจะมีการพูดคุยในขั้นตอนถัดไป  ด้านร.อ. ธรรมนัส กล่าวเสริม ว่า วันนี้เป็นการหารือเพื่อหาทางออกจากวิกฤติไม่ใช่เป็นการหารือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลย้ำว่าไม่มีการเชิญไปจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน 

ส่วนวันนี้เป้าประสงค์หลักของพรรคเพื่อไทยคือต้องการให้พรรคพปชร. สนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพรรค ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ที่มีการพูดคุยกันทางเพื่อไทยได้พูดชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยเชิญทุกพรรคในจำนวน 188 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะได้นำไปคิดไตร่ตรองและวางแผน เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้แจ้งมาว่าได้รับฉันทานุมัติจาก 8 พรรค เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล  รวมถึงพูดคุยกับสว. เมื่อถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยตอบหรือไม่ว่าจะต้องได้นายกฯในวันที่ 27 ก.ค. นายสันติ  กล่าวว่าพรรคเพื่อไทย ก็คงมีความตั้งใจอย่างนั้น จึงมีการเชิญขั้วพรรคการเมืองเก่ามาร่วมหารือ

เมื่อถามด้วยว่าหากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายเศรษฐา แล้วไม่ผ่านการเห็นชอบจากสว.อาจมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ การที่เราจะจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีจำนวนสมาชิกรัฐสภาสนับสนุน เกินกึ่งหนึ่ง หากเสียงไม่พอเราไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะมันจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมมากกว่า และเรามีมติชัดเจนว่าเราจะไม่เสนอชื่อหัวหน้าพรรคหากเสียงสนับสนุนต่ำกว่า 250 เสียงตรงนี้ชัดเจน  และเป็นนโยบายของพล.อ.ประวิตรด้วย ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของคนที่จะเป็นนายกฯคนที่ 30  ต้องนำพา บ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งปัญหาทุกวันนี้ และการนำพาเศรษฐกิจให้รอดถือเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามด้วยว่า ไม่ห่วงปัญหากลุ่มที่ออกมาต่อต้าน และด้อมส้ม จนทำให้เกิดความวุ่นวายในประเทศใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติในการจัดตั้งรัฐบาลก็มักจะมีปัญหาแบบนี้ แต่เมื่อเข้าสู่การบริหารบ้านเมืองไปแล้ว สิ่งสำคัญคือคนที่จะมาเป็นผู้นำจะต้องพิสูจน์ฝีมือประเทศให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นว่าสามารถนำพาประเทศไปได้ ทั้งการแก้ปัญหาวิกฤติและเศรษฐกิจซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ.