เมื่อวันที่ 27 ก.ค. น.ส.กานต์ อายุ 38 ปี ร้องทุกข์ “เดลินิวส์” ขอช่วยเป็นสื่อกลางในการติดตามตัวลูกสาววัย 3 ขวบ ที่ถูกอดีตสามีเอาตัวไปข้ามแดนไปประเทศมาเลเซียนานกว่า 3 เดือนแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.กานต์ ได้เล่าเรื่องราวผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เธอกับอดีตสามีชาวมาเลเซียมีปัญหาหย่าร้างกันเมื่อปี 2564 และได้มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันมีอายุ 3 ขวบ ซึ่งหลังจากหย่ากันได้มีการแบ่งสิทธิ์เลี้ยงลูกกันคนละครึ่ง กระทั่งวันที่ 16 เม.ย.66 ลูกสาวได้หายไปพร้อมกับสามี โดยที่พาสปอร์ต และบัตรประชาชนของลูกก็ยังอยู่ที่ตน จนกระทั่งได้ไปเช็กกล้องวงจรปิดจึงทราบว่า อดีตสามีลักพาตัวและพาลูกสาวข้ามแดนที่ด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา

โดยหลังจากที่ตนหย่าร้างกับสามีชาวมาเลเซียเมื่อปี 2564 และย้ายกลับมาอยู่ที่ไทยพร้อมกับลูกสาววัย 3 ขวบในเวลาต่อมา ขณะที่ศาลก็ได้ตัดสินให้ตนและอดีตสามีมีสิทธิปกครองลูกเท่ากัน จากนั้นเดือนก.พ.ปี 2566 เขาก็ย้ายจากมาเลเซียเข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมที่ประเทศไทย โครงการเดียวกับตน เพื่อใช้เวลาอยู่กับลูก ซึ่งตนก็ไม่เคยกีดกันเลย และได้แบ่งวันเวลาในการดูแลลูกกัน แต่เขากลับบอกกับตนว่าได้จ้างทนายแล้ว และอยากที่จะขึ้นศาลเยาวชน เพื่อขอสิทธิเลี้ยงดูลูกสาวแต่เพียงผู้เดียว

สำหรับสิทธิการเลี้ยงดูลูกนั้น วันพุธ-วันเสาร์ ลูกจะอยู่กับตน ส่วนวันอาทิตย์-อังคาร ลูกจะอยู่กับอดีตสามี และทุกวันอังคารเขาจะมาส่งลูกคืนตนเวลา 19.00 น. รวมทั้งวันพฤหัสบดีเขามีสิทธิ์ไปรับลูกที่โรงเรียนได้ ซึ่งเขาก็ปฏิบัติมาดีโดยตลอด กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 16 เม.ย. 66 ตนนำลูกไปส่งให้เขาที่จุดนัดพบนิติของคอนโดฯ และเขาต้องมีกำหนดการส่งลูกคืนตนคือวันอังคารที่ 18 เม.ย. 66 แต่เมื่อถึงวันดังกล่าว อดีตสามีได้ส่งข้อความมาว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะดูแลลูกสาวเป็นอย่างดี ไม่ต้องรอเธอ (ลูกสาว) แล้วนะ” ซึ่งตนเจอข้อความแบบนั้นตนช็อกมาก จึงโทรติดต่อกลับไปหาเขา ซึ่งเขาก็บอกกับตนอีกว่า ข้อความดังกล่าวมันชัดเจนอยู่แล้ว และเขาจะไม่ให้ตนได้เจอลูกอีก ถ้าจะไปขึ้นศาลก็เชิญเลย

นอกจากนี้ในช่วงเวลากว่า 3 เดือนที่ลูกสาวหายไป ตนได้พยายามด้วยตัวเองเพื่อหาคำตอบจนมาได้ภาพวงจรปิดของคอนโดฯ เป็นภาพของเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 66 ที่ตนนำลูกสาวไปส่งให้อดีตสามี ก็พบกว่า นอกจากอดีตสามีแล้ว มีปู่และย่าของลูกสาว กำลังพาลูกของตนไปด้วย พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าหลายใบ ที่ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์พบว่า อดีตสามี ปู่ และย่า นั้นมีการเดินทางออกไปทางช่องทางนี้ แต่ไม่มีภาพของลูกสาวออกไปด้วย

ทั้งนี้หลังจากที่ลูกสาวหายตัวไปได้ 2 วัน ตนก็ได้ตัดสินใจบินไปที่ประเทศมาเลเซีย ไปบ้านของอดีตสามี แต่ก็ไม่เจอใครในบ้านเลย บ้านปิดเงียบส่วนในด้านของเพื่อนบ้านนั้น ครอบครัวอดีตสามีเขาก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเพื่อนบ้านอยู่แล้ว ขณะเดียวกันสิ่งที่ตนติดใจคือ เอกสารสำคัญต่าง ๆ ของลูกก็ยังอยู่กับตนทั้งพาสปอร์ต ใบเกิด ฯลฯ แล้วเขาพาลูกของตนไปที่ไหนได้ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นปริศนาว่าลูกของตนอยู่ที่ไหน ฝั่งอดีตสามี ญาติอดีตสามี เพื่อน ๆ ของเขาก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย นอกจากนี้ตนยังได้รับข้อมูลว่าวันที่ 21 เม.ย. 66 อดีตสามีได้ไปแจ้งความว่า พาสปอร์ตกับบัตรประชาชนของลูกสาวหาย ตนคิดว่าเขาน่าจะต้องการเอกสารเพื่อไปทำพาสปอร์ตและบัตรประชาชนใหม่ ทว่าตอนนี้เลขพาสปอร์ตในระบบยังเป็นเลขเดิมอยู่แสดงว่าเขายังไม่ได้ทำใหม่

ความคืบหน้าล่าสุด น.ส.กานต์ กล่าวกับ “เดลินิวส์” ว่า วันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปพบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งท่านได้สอบถามรายละเอียดเรื่องทั้งหมด และรับปากจะช่วยตรวจสอบคู่ขนานกับทางการมาเลเซียในการติดตามตัวอดีตสามีและลูกสาวให้ นอกจากนี้ยังมี “มูลนิธิ วิน วิน” ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหาข้อมูลอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันตนก็ได้ตรวจสอบพบว่า อดีตสามีได้พาลูกสาวไปทำพลาสปอร์ตเล่มใหม่แล้วที่ประเทศมาเลเซีย และคาดว่าจะพาลูกหลบหนีไปประเทศที่สาม ซึ่งหัวอกคนเป็นแม่ใจแทบสลาย ขอให้ลูกปลอดภัยและขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามตัวอดีตสามีให้ได้โดยเร็วเพื่อจะได้ตกลงกันในเรื่องการดูแลลูกสาวต่อไป

ขอบคุณภาพ-ข้อมูล จากรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD กด35