เมื่อวันที่ 31 ก.ค. หลังจากปะทะคารมกันแล้วก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งยก ระหว่างอดีตแกนนำคนเสื้อแดงอย่าง ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ กับ เค สามถุยส์ แฟนคลับพรรคเพื่อไทย ที่สัปดาห์ก่อนโต้คารมกันในประเด็นเพื่อไทยข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล จนต่างฝ่ายต่างบอกว่าอยากเจอหน้ากันจริงๆ วันนี้รายการโหนกระแส ได้เชิญทั้งคู่มานั่งพูดคุยกันในรายการตามนัด

จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เปิดประเด็นว่า ตนยืนยันว่าไม่เชื่อว่าอดีตนายกทักษิณ จะกลับมาไทยตามกำหนดการ 10 สิงหาคมนี้ โดยย้อนไปในตอนที่ท่านถูกดำเนินคดี อันเป็นสาเหตุให้ท่านต้องเดินทางออกนอกประเทศ ตอนนั้นใครต่อใครก็บอกว่าหากท่านติดคุก วันเดียวก็ตายแน่นอน แต่ตนเคยบอกให้ท่านเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มภาคภูมิ แต่ท่านก็เลือกที่จะออกไป

ที่ผ่านมาตลอดหลายปี มีความพยายามจะดีล จะพูดคุย เพื่อที่จะได้กลับบ้านมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งไม่เคยสำเร็จ แม้ในครั้งนี้ก็ตาม ที่แม้จะบอกว่าจะกลับมารับโทษตามกฎหมาย แล้วยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายบุคคลน้อยมาก จนแทบไม่เคยเห็น  และถ้ามาไล่ดูจะรู้ว่า การขอลดโทษแต่ละคดี จะต้องทำไปทีละคดี ถ้าได้ลดกึ่งหนึ่ง ก็ต้องไล่ติดคุกไปให้ครบทีละคดี ค่อยมาขอลดโทษในคดีต่อไป ตามลำดับ การติดคุก 3 คดี แบบอดีตนายกฯ ทักษิณ โทษ 2 ปี 3 ปี และ 5 ปี จึงไม่เหมือนกับคนที่ติดคดีเดียว 10 ปี ที่คดีเดียวจะติดคุกสั้นกว่ามาก

ตนไม่รู้ว่าใครไปพูดกับคุณทักษิณอย่างไร รับปากอย่างไร แต่เชื่อเถอะว่า ณ วันนี้ถ้ากลับมาติดคุก ก็เหมือนติดเบ็ด การจะรอให้ฎีกาพระราชทานอภัยโทษลงมาถึง มันเป็นไปได้น้อย และเป็นไปได้ยาก

เค สามถุยส์ หรือ นายนิยม นพรัตน์ บอกว่า สิ่งที่คุณจตุพรพูดออกมาทั้งหลายนั้น “เพ้อเจ้อ” เพราะการประกาศครั้งนี้ ไม่เหมือนทุกครั้ง มีการกำหนดวันและเวลาชัดเจน คุณอุ๊งอิ๊งเป็นคนประกาศเอง

ที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปมอง ตอนที่คุณทักษิณนำพรรคไทยรักไทย กวาดคะแนนเสียง ชนะเลือกตั้งมาแบบถล่มทลาย เอานโยบายต่างๆ มาทำได้จริง ประชาชนได้ประโยชน์มากมาย จนชนะเลือกตั้งรอบสอง แต่มาถูกรัฐประหารปี 2549 คดีต่างๆ ที่ถูกตั้งข้อหามันไม่เป็นธรรม ถูกตั้งข้อหาโดยคู่ขัดแย้ง สิ่งที่คุณทักษิณเจอ มันเกิดจากความไม่เป็นธรรม การที่ท่านประกาศจะกลับบ้านมา ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ในเรื่องการไปสู้คดีอย่างไร ก็ต้องไปว่ากันตามลำดับขั้นตอน

คุณจตุพรบอกว่า คำว่าเพ้อเจ้อ ของเค ก็คือคำพูดของคุณอุ๊งอิ๊ง ที่พูดในฐานะลูกสาวที่อยากเห็นพ่อกลับบ้าน อันนี้เป็นปกติ เป็นธรรมชาติของทุกคน แต่ความเป็นจริงเป็นอย่างไรนั้น อีกกี่วันเราก็จะได้เห็นพร้อมกันแล้ว ว่าได้กลับ หรือไม่กลับ

เรื่องคดีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ตนเห็นด้วยว่ามันไม่เป็นธรรม และเมื่อท่านเลือกจะไม่ทำสงครามที่ไม่มีโอกาสชนะ ท่านเลือกจะหนี ไม่ขอสู้ในกติกาไม่เป็นธรรม ท่านก็ต้องปฏิเสธให้หมดโดยสิ้นเชิง แต่วันนี้มีคำพิพากษาศาลถึงที่สุด ยังไงก็ต้องจำคุก หากท่านบอกว่าจะกลับมาสู้ มันไม่มีช่องทางอื่นนอกจากเดินเข้าคุกสถานเดียว

เค สามถุยส์ ยังหยิบยกประเด็นที่นายจตุพร เคยฟันธงว่า คุณสุชาติ ตันเจริญ พ่อของคุณมดดำ จะได้เป็นประธานสภาแน่นอน แต่สุดท้ายกลายเป็นคุณวันนอร์ เคยังถามว่า เรื่องนี้จะว่าอย่างไร

จตุพร บอกว่า ให้ไปย้อนดูสิ่งที่คุณมดดำโพสต์ ว่าขอร้องให้พ่อยอมถอย ถ้าพ่อไม่ถอย พ่อได้เป็นประธานสภาแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่ต้องขอร้องให้พ่อยอมถอย เพราะถ้าพ่อก้าวไปเป็นประธานสภา คุณมดดำต้องเลิกเป็นพิธีกรไปตลอดชีวิต เรื่องนี้มันเป็นการวิเคราะห์ทางการเมือง มันมีการวางตัวคุณสุชาติไว้จนเรียบร้อยหมดแล้ว แต่มีการเปลี่ยนใจในคืนก่อนถึงวันเสนอเลือกประธานสภา เรื่องนี้ไม่ใช่การคาดเดา มันต้องวิเคราะห์บนมูลความจริง ถ้าไม่มีมูล มันก็จะไม่มีข้อเท็จจริงเรื่องคุณมดดำมาสนับสนุน

แต่เค สามถุยส์ บอกว่า ยังไงก็มองว่าเป็นการเดา แต่เดาแม่น และจังหวะเวลาแม่น เท่านั้นเอง

เคยังยกเรื่องที่จตุพรบอกว่า เพื่อไทยไปดีลกับ พล.อ.ประวิตร ให้แก้กฎหมายเลือกตั้ง จากบัตร 1 ใบ มาเป็นบัตร 2 ใบ ซึ่งเป็นกติกาที่เพื่อไทยถนัดที่สุด เคมีคลิปเหตุการณ์ที่จตุพรเคยให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งมีการยื่นแก้กฎหมายดังกล่าว บอกว่าพรรคเพื่อไทยกำลังถูกหลอก และกฎหมายนี้จะไม่ผ่าน เพราะไปแย้งกับรัฐธรรมนูญ ทำให้คนไทยไม่ได้เลือกตั้ง ปลุกม็อบให้ออกมา สุดท้ายพอความจริงไปออกอีกอย่างหนึ่ง ได้เลือกตั้งตามปกติ ก็กลับมาบอกว่า เพื่อไทยไปซูเอี๋ย จับมือกับฝ่ายตรงข้าม แก้กติกาเข้าข้างตัวเอง

จตุพรแย้งว่า สิ่งที่ตนพูดไปในการให้สัมภาษณ์ครั้งนั้น ล้วนเป็นไปตามข้อเท็จจริง กฎหมายลูกที่ออกมา มันมีความขัดและแย้งกับรัฐธรรมนูญ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เกมที่คณะทหารเล่นเขาลับ ลวง พราง เสมอ เมื่อไหร่ที่เขาไม่พร้อมจะลงสนามเลือกตั้ง เขาก็แค่ให้ศาลตีตก ว่ากฎหมายมันขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง ตนก็พูดไปตามข้อเท็จจริง มันคนละตอนกันแล้ว ณ เวลาที่พูดนั้น มันยังไม่มีการวินิจฉัยว่ากฎหมายเลือกตั้งขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

แล้วเรื่องความสัมพันธ์ของพรรคเพื่อไทยกับ พล.อ.ประวิตร เป็นอย่างไรนั้น ไปย้อนดูก็ได้ว่า ตอนที่ สส.โรม ก้าวไกล จะอภิปราย พล.อ.ประวิตร สส.เพื่อไทย ยังดึงเวลาไม่ให้มีการอภิปรายได้ เรื่องนี้มันเป็นความสัมพันธ์เก่าที่เขาสนิทสนมกันมานานแล้ว

จตุพรยังย้ำอีกว่า สิ่งที่ตนยืนหยัดมาตลอด คือความชอบธรรม ต่อต้านความสองมาตรฐาน และต้องไม่ตระบัดสัตย์กับประชาชน พรรคเพื่อไทยเคยกล่าวไว้ในตอนหาเสียง พูดเรื่อง “ไล่หนูตีงูเห่า” อย่างเรื่อง ม.112 ก็มีการพูดว่าจะต้องแก้ไข แต่คนไปจำเฉพาะพรรคก้าวไกล แต่หลงลืมว่าเพื่อไทยก็พูด

ดังนั้น ถ้าจะข้ามขั้วไปจับมือกับคนที่บอกว่าจะไม่จับตั้งแต่แรก ทำได้ แต่อยู่ไม่ได้แน่นอน วันนี้ถ้าไม่ข้ามขั้วยังไงก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ถ้าข้ามขั้ววันไหน คนจะลุกฮือเต็มถนน เหมือนตอนนิรโทษกรรมสุดซอย

ขณะที่ เค สามถุยส์ บอกว่า คุณจตุพร มโน เพ้อเจ้อ ทีตอนพรรคก้าวไกลยกสายโทรฯ หาพรรคชาติพัฒนากล้า พรรคอดีตรัฐบาลเก่า คุณจตุพรไม่บอกว่าตระบัดสัตย์ แต่พอเพื่อไทยมาทำ กลับมาต่อว่ากล่าวหา

จตุพรบอกว่า ข่าวเรื่องการพูดการคุยของพรรคก้าวไกล มันไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าเขาดีลอะไรกัน ไม่เหมือนพรรคเพื่อไทย เชิญเขามานั่งกินมิ้นต์ช็อกหวานชื่น ทั้งที่เขาเหล่านั้นประกาศชัดอยู่แล้ว ว่ามีก้าวไกลไม่ร่วมแน่ และพรรคเหล่านั้นที่คุณเชิญมา คุณก็เคยบอกว่าจะไล่หนู ตีงูเห่า อยู่ดีๆ มานั่งชนแก้วกัน

เค สามถุยส์ บอกว่า คุณจตุพรพูดแต่คำว่าตระบัดสัตย์ เอาแต่มุมตัวเอง แต่ประชาชนที่เขากำลังเดือดร้อน ไม่มีจะกิน เขาเอากับคุณด้วยไหม เอะอะจะปลุกคนลงม็อบ เพราะคุณจตุพรอยู่แต่กับม็อบ วันนี้ประเทศมันต้องเดินไปข้างหน้า ต้องมีคนเข้าไปแก้ปัญหาปากท้อง ต้องเข้าไปแก้รัฐธรรมนูญก่อน แล้วอีก 4 ปี ก็มาสู้กันในกติกาที่เป็นธรรม สิ่งที่คุณจตุพรพูดทุกวันนี้ ก็เพื่อจะปูทางไปสู่การนำม็อบ อยากจะพาคนลงถนนใจจะขาด กล้ารับปากไหมว่าเมื่อมันเกิดเหตุการณ์แล้ว คุณจตุพรจะไม่เอาม็อบออกมา

คุณจตุพรถามว่า มีใครบ้างอยากลงถนน มันคือการเอาชีวิตไปเสี่ยง มันเสียมากกว่าได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่สถานการณ์มันดำเนินไปสู่จุดที่ประชาชนทนไม่ได้ มันก็ต้องเป็นไป ตนคงจะไม่ให้คำสัตย์อะไรกับคนอย่างเคอยู่แล้ว แต่สุดท้ายถ้าพรรคเพื่อไทยเลือกหนทางในสิ่งที่เคพูด ก็มารอดูกันว่าผลจะเป็นยังไง