เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่หลายคนให้ความสนใจกันอย่างมากในขณะนี้ กับเรื่องราวของช้างเพศเมีย “พังสีเวย” อายุ 65 ปี ซึ่งเดินทางมาจากปางช้างที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังเจ้าของได้นำมาทำการรักษาที่โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง จังหวัดลำปาง หลังพบว่ามีพังสีเวยถ่ายเป็นก้อนเล็กประมาณ 3-4 วัน และตกดึกคืนวันที่ 14 ก.ค. ยังถ่ายได้ แต่พอรุ่งเช้าวันที่ 15 ก.ค.ก่อนมามีความผิดปกติคือไม่ถ่าย มีอาการอ้าปาก และซึมไม่ทานอาหารหรือน้ำเลย จึงติดต่อทาง มช.ประสานส่งเข้ารักษา

โดยเข้ารักษาเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 15 ก.ค.66 ซึ่งปัจจุบันก็ประมาณ 20 วันที่ผ่านมา แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย จึงทำให้หลายคนที่ทราบข่าวเป็นห่วงกันจำนวนมากอีกด้วย

ขณะเดียวกันเมื่อมาถึง ทีมสัตวแพทย์โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง ได้เร่งตรวจร่างกายช้างตัวดังกล่าวพบว่ามีอาการซึม ไม่กินอาหารไม่กินน้ำ และไม่ถ่ายหรือผายลม อีกทั้งวัดอุณหภูมิได้ 36.7 องศาเซลเซียส (ปกติ) ชีพจร 37 ครั้ง/นาที (มากกว่าปกติเล็กน้อย) ซึ่งทีมแพทย์ฉีดวิตามินให้ 1 เข็ม ให้สารน้ำ 30 ลิตร และฉีดยากระตุ้นระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งฉีดยาลดปวดเกร็งในช่องท้อง จากนั้นทำการล้วงสวนเจอแต่เศษหญ้า

ต่อมาอาการเหมือนจะดีขึ้น เพราะพังสีเวยถ่ายออก 1 กอง หนัก 3 กก. เป็นก้านหญ้าแก่และะมีต้นข้าวโพดใบข้าวโพด รวมถึงกล้วยที่ไม่ย่อย ซึ่งทำให้ทีมสัตวแพทย์ได้รักษาตามอาการอย่างใกล้ชิด และคอยให้ยาปฎิชีวนะ การประคบสมุนไพร พร้อมมีทีมสัตวแพทย์ของสถาบันคชบาลแห่งชาติ มาช่วยในการรักษาครั้งนี้อีกด้วย

จนล่าสุดมีเฟซบุ๊ก Soraida Salwala เป็นเจ้าหน้าที่ก็ได้อัพเดตอาการป่วยของพังสีเวย โดยระบุว่า “22.15 น. สวัสดียามค่ำค่ะ ดิฉันพึ่งได้กลับขึ้นเรือนวันนี้จริง ๆ เป็นวันที่ 20 ที่พังสีเวย มาทำการรักษาที่โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้างแห่งนี้ จากอาการท้องผูก”

“การรักษาดำเนินไปตามที่ได้นำเรียนรายวันมาโดยตลอด ทั้งนี้การรักษาได้มีการปรึกษาหารือกับสัตวแพทย์ที่เคยให้การรักษามาก่อนหน้า และอาจารย์หมอผู้ชำนาญการและที่เคยให้การรักษาพังสีเวยมาก่อนด้วยเมื่อวานได้สรุปที่ว่าวันนี้จะดำเนินการให้ยาซึม และจะใช้อุปกรณ์ช่วยอ้าปากให้ยา เพื่อให้มูลก้อนเจ้าปัญหาออกมา”

“ทั้งนี้ได้ความร่วมมืออย่างดียิ่งจากอาจารย์หมอบิ๊ค ฉัตรโชติ ทิตาราม ที่ปรึกษาฯ วันนี้การให้การรักษายังคงเป็นเช่นทุกวันที่ผ่านมาและมีทีมผู้ใหญ่ใจดีประกอบด้วย”

ทีมสัตวแพทย์จากสถาบันคชบาลแห่งชาติ
1.น.สพ.ทวีโภค อังควานิช ผู้จัดการส่วนอนุรักษ์และบริบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ
2.สพ.ญ.วรางคณา ลังการ์พินธุ์ (หมอโบนัส) หัวหน้างาน โรงพยาบาลช้างลำปาง สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ
3.น.สพ.กิตติกุล นามวงค์พรหม (หมอยอด)
4.สพ.ญ.นฤพร กิตติศิริกุล (หมอมามี)

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
1.สพ.ญ.ภาวินี กุลนานันท์ (หมอป่าน) สัตวแพทย์ ศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า มช. และ มูลนิธิเพื่อนช้างสัตวแพทย์หญิงเครือทอง ขยัน (หมอเก๋) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้างมูลนิธิเพื่อนช้าง

“ทำการสวน ตรวจเลือด และทำการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวนด์ ผลทีได้เป็นดังนี้ค่ะ : จากการ ultrasound ช่องท้องพังสีเวยพบว่า”
– ลำไส้ใหญ่ส่วน cecum (ไส้หมัก ; ลำไส้ใหญ่ส่วนแรกที่ต่อมาจากลำไส้เล็ก) มีการฉีกขาด(แตก) มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว พบ น้ำจากทางเดินอาหารอยู่ในช่องท้อง และพบ fibrin (โปรตีนที่ช่วยทำให้เลือดแข็งตัว) จำนวนมาก (ผล ultrasound ด้านขวาจะเจอเยอะกว่าด้านซ้าย) บริเวณผนังลำไส้ที่ฉีกขาดมีเนื้อเยื่อพังผืดมาเกาะ
– ท้องที่ขยายใหญ่ เป็นน้ำที่หลุดจากผนังลำไส้มาอยู่ในช่องท้อง ไม่ใช่แก๊สภายในลำไส้
– ไตมีการบวมอักเสบ เนื่องจากมีอาการป่วยต่อเนื่องมานาน- ลำไส้ใหญ่มากบังตับทำให้มองไม่เห็นตับ
– ไม่พบก้อนมูลที่เป็นปัญหา คาดว่าก้อนมูลอาจอยู่บริเวณลำไส้ส่วน cecum (ไส้หมัก) หรือ ก่อนเข้าลำไส้ส่วน rectum (ไส้ตรง)

“ช้างอยู่ได้ถึงทุกวันนี้เนื่องจากการคุมการติดเชื้อและได้สารน้ำทุกวันค่ะ หากปล่อยนานกว่านี้ช้างจะทรมาน ลำไส้ที่ขยายใหญ่ดันไปกดช่องอก ทำให้ช้างหายใจไม่ออกและช็อคเสียชีวิต”

“ดิฉันขอขอบพระคุณอาจารย์หมอ คุณหมอทุกท่านที่มาช่วยในวันนี้อย่างมากเป็นเรื่องที่ต้องรีบตัดสินใจค่ะ ดิฉันจึงขอคุยกับเจ้าของช้าง โดยผอ.หมอเก๋ ของเราอธิบายผลจากการตรวจ คุณยายทรมานมาก แสดงอาการปวดท้องอย่างที่สุด อ้าปาก ลิ้นซีดเป็นสีขาว ความทรมานนี้ควรยุติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้คุณยายสีเวยพ้นความเจ็บปวดโดยให้คุณยายได้หลับไปนิรันดร์ เจ้าของเข้าใจและอนุญาตคุณยายหลับไปเมื่อเวลา 21.23 น.”

“คืนนี้ท่ามกลางความเศร้าใจของเราเพื่อนช้างทุกคนสมาชิกครอบครัวของคุณยายได้มาลาคุณยายด้วยความอาลัยด้วยขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดค่ะหลับให้สบายนะคะคุณยาย ไม่เจ็บไม่ปวดแล้วRest in peace Granny Si-Wei……there’s no more pain…”

โดยโพสต์ดังกล่าวก็มีชาวเน็ตต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นร่วมไว้อาลัยกันล้นหลามอีกด้วย….

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @Soraida Salwala