เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “หักดิบ?” โดยระบุว่า การแก้ปัญหาทางการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตน ก็ต้องแลกกับการเสียทางการเมืองด้วย ยิ่งการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยขณะนี้ จะไปตามสูตรไหนล้วนพังพินาศทั้งสิ้น เพราะต้องหักดิบและทรยศกับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา

ส่วนพรรคก้าวไกลจะโหวตนายกฯ ให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายจตุพร กล่าวว่า สส.ก้าวไกล ได้ทำโพลส่วนตัวถามประชาชน และเสียงประชาชนส่วนใหญ่เป็นเอกฉันท์ไม่ให้โหวตให้เพื่อไทย ดังนั้น เมื่อการเมืองเป็นแบบนี้ การตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยจะยิ่งยากขึ้น เพราะก้าวไกลไม่โหวตนายกฯ ข้ามขั้ว

นอกจากนี้ ขณะที่หวังกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะมี สส. แยกตัวออกมาเป็นรายคนหรือเป็นกลุ่มมาหนุนการตั้งรัฐบาลนั้น เชื่อว่า ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่ดี และคงไม่ได้เสียงถึง 376 อีกอย่าง สว. คงไม่โหวตนายกฯ ของเพื่อไทย รวมทั้งถ้าไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตอนนี้ก็ไม่รู้จะเจรจาและจับมือกับใคร เนื่องจากพรรคนี้ยังบริหารจัดการตัวเองไม่ได้

อีกทั้งกล่าวว่า พรรคที่ไม่ตรงไปตรงมากับประชาชนต้องเจอกับผู้ชุมนุมทุกวัน โดยญาติวีรชนพฤษภา 2553 ไปให้กำลังใจที่พรรคเพื่อไทยในการตั้งรัฐบาล แต่ไม่เห็นด้วยกับการจับมือกับ ปชป. พปชร. และ รทสช. จึงแปลความได้ว่า การตั้งรัฐบาลไปไม่ได้อยู่ดี และถ้าฝืนเดินหน้าตั้งรัฐบาล ก็ต้องหักดิบกับประชาชนอีก

“สิ่งที่น่ากลัวกว่าด้อมส้มคือ คนที่เลือกเพื่อไทยเอง เพราะคนพวกนี้ เขามีความรู้สึกว่า เขาถูกทรยศ ถูกหักหลัง ดังนั้น การอธิบายรัฐบาลข้ามขั้ว มาเป็นขั้วข้ามมาหาเอง หรือพูดคำใหม่เป็นสลายขั้ว แม้จะเลี่ยงการพูดเพื่อโชว์เหนือกว่าอย่างไรก็ตาม แต่ไม่มีวันจะสำเร็จ”

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งสำคัญจะรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลโดยเปิดเผยให้ได้เกิน 251 เสียงได้อย่างไร จะไปจับมือกับพรรคใด ถ้าไม่จับมือกับ รทสช. กับ พปชร. ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บอกแบบสบายใจว่า เดี๋ยวเขาก็มาชวน จึงแสดงถึงความนิ่งที่เหนือชั้นกว่าทางการเมือง

อีกอย่างเพื่อไทยพยายามเลี่ยงบาลี พูดให้สวยหรู ซึ่งไม่มีความละอายใดๆ เลยหรือ อีกอย่างต้องเข้าใจด้วยว่า ประชาชนไม่ได้ขัดขวางการตั้งรัฐบาล แต่ที่ไม่พอใจเพราะมาจากหลงเชื่อคำพูดหาเสียงของเพื่อไทย ที่ไม่ซื่อตรงกับประชาชน ไม่รับผิดชอบกับคำมั่นสัญญาในการหาเสียงที่ผ่านมา

“คำพูดให้เหตุผลไล่หนูตีงูเห่าว่า เป็นการรณรงค์เพื่อให้ได้คะแนนเสียง ซึ่งน่าเกลียดมาก บรรดานักพูดทั้งหลายกำลังจะแถกันไปนั้น ก็ต้องรู้ประชาชนของจริงรับไม่ได้ ดังนั้น การหักดิบประชาชน แล้วยังมีพรรคการเมืองอื่นมาสมคบการเล่นละครด้วยอีก การคิดจะเป็นรัฐบาลแบบนี้ยิ่งยากขึ้นตามลำดับ เพราะพรรคร่วมจะมาแบกรับความเกลียดของประชาชนที่มีต่อเพื่อไทยได้อย่างไร”

นายจตุพร กล่าวว่า การกล่าวอ้างต่างๆ เพื่อให้ได้จัดตั้งรัฐบาลนั้น มันล้มเหลวทั้งสิ้น เอาแค่พรรคแสดงตนเปิดเผยเพื่อได้เสียง 251 เสียงก็ยังยากแล้ว หากประชาชนมาร่วมไม่ได้อีกพรรคก็ถือว่าจบแล้ว เมื่อบอกว่าจะไม่เอา พปชร. กับ รทสช. มาร่วม ดังนั้น ยิ่งเดินก็ยิ่งตัน

อย่างไรก็ตาม เพื่อไทยอย่าอธิบายกับประชาชนว่า มันมีความจำเป็น เพราะประเทศไทยต้องไปต่อ ซึ่งคงหลงลืมจนนำคำขวัญหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รทสช. มาพูด สะท้อนถึงเพื่อไทยเกิดอาการเละเทะ เบลอ แล้วมาพูดในสิ่งที่ตัวเองเคยต่อว่าเขามาทั้งสิ้้น

รวมทั้ง ระบุว่า พรรคการเมืองต้องมีหลักในการเข้าสู่อำนาจ และต้องรับผิดชอบต่อคำสัญญากับประชาชนไว้อย่างไร และถ้าไม่ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว อย่ามาอ้างประเทศชาติและประชาชน เพราะเป็นนักการเมืองตระบัดสัตย์ จะนำพาสู่ความล่มสลายของประชาธิปไตย เมื่อลืมทิ้งสัญญาแล้วคิดว่าจะตั้งรัฐบาลได้ง่ายอย่างนั้นเหรอ

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของเพื่อไทยเหมือนกับการเตรียมแผนจะเลิกกิจการพรรคการเมืองจึงแสดงออกอย่างน่ารังเกียจเพราะไม่มีทางอื่นใดเลย หรือต้องแลกกับการกลับบ้านจึงน่ามืดแบบนี้ เพราะการเมืองต้องมีความชอบธรรมแล้วยังอธิบายการตั้งรัฐบาลข้ามขั้วไม่ได้อีก

พร้อมย้ำว่า ในทางการเมืองครั้งนี้สาหัสมาก ถ้าเป็นรัฐบาลก็เดินตลาดไม่ได้ คนสาปแช่ง แล้วจะเป็นไปทำไม ดังนั้น การเมืองหลักคิดไม่ซื่อตรงกับประชาชนแล้ว ต้องอับอายได้แล้ว และจนมุมทางการเมือง เมื่อคนเชียร์ไปต่อต้าน ไม่พอใจเพื่อไทยที่เขารับรู้ว่า เป็นของปลอมทั้งนั้น

อีกทั้งกล่าวว่า อารมณ์ประชาชนตอนนี้เปราะบางมากแล้ว ซึ่งไม่รู้เพื่อไทยทำไปได้อย่างไร และ การเดินหน้าตั้งรัฐบาลต้องผ่านทั้ง ปชป. พปชร. และ รทสช. ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะตั้งรัฐบาลสำเร็จ แล้วยังทอดทิ้งสัญญาประชาธิปไตยกับประชาชนอีก ยิ่งซ้ำเติมความเลวร้ายไปกันใหญ่

นายจตุพร กล่าวว่า เพื่อไทยพยายามเรียกร้องให้ทำการเมืองถูกต้อง แต่ตัวเองกลับทำตัวน้ำเน่ามาก คิดกันได้อย่างไรในการอธิบายไม่ข้ามขั้ว แต่จะสลายขั้วเพื่อไปตั้งรัฐบาลเพื่อชาติให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ ตอนฉีกเอ็มโอยูกับก้าวไกล เคยบอกไม่ให้โหวตนายกฯ เพื่อไทย เพราะกลัวไม่ได้เสียงแต่ตอนนี้กลับจะให้มาโหวตนายกฯ ให้อีก วันนี้อย่าง พรุ่งนี้อย่าง จะเอาอย่างไรก็แน่พรรคเพื่อไทย

“หวังว่าประชาชน ต้องตั้งหลักให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดขัดแย้งครั้งใหญ่ การหักดิบประชาชนระวังจะจบลงไม่มีแผ่นดินอยู่ ที่ปรามาสว่า ไม่มีคนออกมาต่อต้านนั้น หากเดินไปอีกสักนิด คนจะออกมามากมาย เพราะหาเสียงหลอกลวงประชาชนทั้งนั้น พวกไล่หนูตีงูเห่านั้น วันนี้ไปอยู่ที่ไหนอีก พูดเก่งฉะฉาน ยืนตรงกับประชาธิปไตยแล้วตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้อย่างไรกัน ซึ่งตอนนี้เพื่อไทยหาความชอบธรรมไม่ได้ เมื่อขาดชอบธรรมจะเข้าสู่อำนาจได้อย่างไร”

นายจตุพร เตือน กลุ่มเยาวชนทะลุวังว่า ในฐานะคนอาวุโส แม้มีประเด็นเคลื่อนไหวที่ชอบธรรม แต่ท่วงทำนองในการเคลื่อนไหวใช้ไม่ได้ และไม่ควรใช้ถ้อยคำหยามเหยียดอย่างนั้น จะทำให้เกิดความเสียหายและเสียประเด็นไปด้วย ดังนั้น คนไปประณามที่พรรคเพื่อไทย ก็อย่าไปทำตัวที่ไม่ชอบธรรมให้พวกไม่ชอบธรรมกับการตั้งรัฐบาลได้เห็น

ประเทศไทยต้องมาก่อน