เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค เพื่อชี้เป้าเอาผิดนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 หลังจากที่โพสต์ภาพและข้อความและคลิปวิดีโอลงสื่อโซเชียลมีเดียหลายประเภท เพื่อเชียร์คราฟต์เบียร์ยี่ห้อหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลก อันเข้าข่ายเป็นการโฆษณา ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 มาตรา 32 ที่ห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือทางอ้อม การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใดๆ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีหมออ๋อง ในฐานะเป็น สส.พรรคก้าวไกล จ.พิษณุโลก และยังเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 ซึ่งทำการโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ กรณีดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 32 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือทางอ้อม การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใดๆ อีกทั้งยังฝ่าฝืนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์ 2563 อีกด้วย

“ดังนั้น การกระทำของหมออ๋อง จะทางตรงหรือทางอ้อม ถือว่า มีความผิดทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความตั้งใจ เพราะโพสต์ดังกล่าวยังมีในสังคมออนไลน์ของหมออ๋องเอง และยังให้สัมภาษณ์เองว่า เข้าใจว่ามีกฎหมาย แต่ต้องการให้เกิดกระแสพูดถึงเรื่องนี้ให้มาก เพื่อให้นำไปสู่การยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายเรื่องนี้ แต่เนื่องจากหมออ๋อง เป็นถึง สส. เป็นถึงรองประธานสภา คนที่ 1 ย่อมเป็นผู้ที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย การที่จะมาทำแบบนี้เหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไปย่อมทำไม่ได้ ซึ่งหากคิดว่ากฎหมายนี้ไม่ดี ก็ต้องไปทำตามขั้นตอนของกฎหมายในเรื่องของการปรับแก้ อย่าลืมว่าหมออ๋อง ก็เป็นหมอ แม้จะเป็นสัตวแพทย์ แต่ก็น่าจะเข้าใจพิษภัยของสุราดีว่า ก่อให้เกิดโทษต่อสังคม ต่อมนุษย์อย่างไร มีคนเจ็บ คนพิการ คนเสียชีวิตจากการดื่มแล้วเมาเยอะแยะมากมาย เราจึงต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้ เพราะอัตราโทษของ พ.ร.บ.ค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 5 หมื่น จนถึง 2 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ เรื่องนี้ต้องดำเนินการให้เข้มงวด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง”

ด้าน นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือร้องเรียนจาก นายศรีสุวรรณ ว่า เรื่องเมื่อมีผู้ร้องเรียนเข้ามาเจ้าพนักงานก็มีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย โดยต้องรวบรวมหลักฐานตามกฎหมาย รวมถึงส่งหนังสือสอบถามเจ้าตัวเพื่อให้ชี้แจง หากยอมรับก็จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าปฏิเสธ ก็จะกันตามหลักฐาน ทางเจ้าพนักงานก็จะร้องทุกข์ กล่าวโทษไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐานชี้ชัดถึงความผิดตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หากเป็นความผิดครั้งแรกก็จะปรับไม่น้อยกว่า 5 หมื่นบาท ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับหลักฐานและดุลยพินิจของคณะกรรมการ

“เบื้องต้นทางนิติกรของสำนักฯ มองว่า มีหลายอย่างเข้าข่ายและมีความคล้ายคลึงกับคดีที่เคยพิจารณามาก่อนหน้านี้ เราก็ดำเนินการตามหลักฐาน แต่เขาอาจมีข้อโต้แย้งก็ว่ากันด้วยหลักฐาน ส่วนภาพที่โพสต์นั้น แม้จะมีการลบแต่ความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว ก็ว่าตามหลักฐานเดิม แต่ถ้ายิ่งไม่ได้ลบก็จะเป็นความผิดต่อเนื่อง” นพ.นิพนธ์ กล่าวและว่า การสอบสวนเรื่องนี้ไม่สามารถระบุเวลาได้ชัด แต่หลังรับหนังสือแล้ว ก็จะมีการรวบรวมหลักฐาน พร้อมส่งหนังสือไปยังผู้ที่ถูกร้องเรียน ให้ชี้แจงภายใน 15 วัน

เมื่อถามว่านายปดิพัทธ์ ดำรงตำแหน่งตามอำนาจนิติบัญญัติ แต่ให้ความเห็นว่ากฎหมายที่มีอยู่นั้น เป็นการเปิดช่องให้เฉพาะธุรกิจใหญ่ นพ.นิพนธ์ กล่าวว่า กลไกกฎหมายที่มีก่อนปี พ.ศ. 2551 ไม่ให้โฆษณาเลย แต่ยืดหยุ่นให้บริษัทผู้ผลิตโฆษณาได้ภายใต้ข้อกำจัด แต่ปัจจุบันมีกลไกใช้ช่องว่างทางกฎหมายโฆษณาผ่านอินฟลูเอนเซอร์และโฆษณาผ่านออนไลน์ แม้ไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ แต่ก็โพสต์ทำให้คนอยากไปลองชิม ซึ่งการตลาดปัจจุบันใช้วิธีนี้มากขึ้น

ถามว่ากังวลหรือไม่เพราะหมออ๋องมีผู้ติดตาม และเห็นด้วยในเรื่องของการแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นพ.นิพนธ์ กล่าวว่า ทางสำนักฯ ก็คุยกันว่าไม่แปลกที่จะโดนกระแส แต่สุดท้ายแล้วถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการ ก็จะมีความผิดเช่นกัน

หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังจากเจ้าตัวไปออกรายการหนึ่งและให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายสุราก้าวหน้า และรสนิยมการดื่มของตัวเอง พร้อมกับเปิดเผยชื่อยี่ห้อและเชียร์สุราชุมชน มีการตรวจสอบแล้วหรือไม่ นพ.นิพนธ์ กล่าวว่า ภาพที่โพสต์จะเป็นข่าว แต่ไม่ได้ยกภาพขึ้นมาโดยเจ้าตัว แต่เป็นการพูดชื่อขึ้นมา ทำให้คณะอนุกรรมการพิจารณาความผิดเรื่องนี้ มีความเห็นแตกต่างกัน 2-3 ประเด็น ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯ จึงพิจารณาแล้วว่า ให้เก็บหลักฐานเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องว่า เข้าข่ายชัดเจนหรือไม่ ขณะนี้จึงต้องเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่ากรณีนายพิธา พูดยี่ห้อ ทำให้ขายดี แบบนี้จะเข้าข่ายผิดหรือไม่ นพ.นิพนธ์ กล่าวว่า ต้องดูโดยสภาพ ก็จะคล้ายๆกัน อย่างหลายคนไปพูดโดยไม่มีเจตนาก็เรื่องหนึ่ง แต่คนพูดจะรู้เอง สิ่งสำคัญต้องไปดูหลักฐานที่เกี่ยวข้อง