เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาข้าวสารในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ พบว่ามีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าร้านอาหาร ยังคงกัดฟันขายราคาเดิม แม้จะขาดทุน เพราะเป็นห่วงผู้บริโภค โดยเฉพาะที่ร้านถาวรพาณิชย์ค้าข้าว ใน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

โดย นายถาวร ศิลาโชติ เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า จากราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวสารเหนียว จากเมื่อเดือน ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา ราคาที่ตนเคยรับซื้อมาขาย จากกระสอบละ 1,000 บาท/40 กิโลกรัม ตอนนี้ขึ้นเป็น 1,220 บาท ขึ้นครั้งละ 50 บาท และเชื่อว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังจะมีประเพณีบุญข้าวสาก ที่ชาวพุทธภาคอีสาน จำเป็นต้องใช้ข้าวเหนียวในการทำข้าวต้มมัดจำนวนมาก ก็จะได้รับความเดือดร้อน หรือไม่ก็อาจซื้อข้าวในอัตราที่ลดลง ส่งผลทำให้ยอดจำหน่ายของทางร้านลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ พฤติกรรมการซื้อข้าวสารของกลุ่มลูกค้า ที่ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้า ร้านขายอาหารต่างๆ ที่เคยซื้อยกกระสอบ กระสอบละ 40 กิโลกรัม ก็ลดลง ซื้อครั้งละ 5-10 กิโลกรัม เท่านั้น

โดย นางนารี ขำวงศ์ อายุ 54 ปี เจ้าของร้านส้มตำนารี ชุมชนสะพานขาว เขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า จากราคาข้าวที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมาก แต่ตนก็ยังคงขายราคาเดิม เพราะแม่ค้าขึ้นราคาไม่ได้ จากแต่ก่อนที่ซื้อข้าวสารราคา 1,100-1,200 บาท/กระสอบ/40 กิโลกรัม ตอนนี้ปรับขึ้นมาเป็น 1,400-1,500 บาท และก็คิดว่าจะปรับขึ้นอีกเรื่อย ๆ แต่ก่อนที่ลูกค้าซื้อเยอะ ๆ ตอนนี้เงียบเหงา ขายของยาก เพราะสินค้าปรับราคาสูงขึ้น ไม่ใช่แค่ราคาข้าว สินค้าอย่างอื่นก็ปรับขึ้นด้วย เช่น มะละกอ มะเขือเทศ ที่ปรับขึ้นจากราคาปกติที่ขายถุงละ 80 บาท เดี๋ยวนี้ปรับขึ้นมาเป็น 200-250 บาท ถ้าเป็นคนงานที่หาเช้ากินค่ำมาซื้อ ถ้าจะหยิบให้น้อยก็กลัวลูกค้าไม่อิ่ม ก็เลยต้องหยิบปริมาณเท่าเดิม ผลกระทบที่แม่ค้าได้รับก็คือขายของฟรี ไม่มีกำไร อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากให้ราคาสินค้าปรับลงกว่านี้หน่อย เพราะพ่อค้าแม่ค้าลำบาก ขายของยาก เศรษฐกิจก็แย่ ทำยังไงประชาชนจะอยู่ได้

ขณะที่ นางวยุรี คำสาร อายุ 47 ปี เจ้าของร้านอาหารตามสั่งบ้านแม่ ชุมชนเคหะ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนยังคงขายในราคาเดิม แต่ก็ยังพอได้ ส่วนมากลูกค้าตนจะเป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา จะขึ้นราคาก็ลำบาก สงสารเด็กด้วย ส่วนปริมาณตนก็ยังให้เท่าเดิม บางครั้งเด็กไม่อิ่มขอข้าวเพิ่ม ตนก็ตักเพิ่มให้ฟรี ไม่คิดเงิน นอกจากราคาข้าวสารจะสูงขึ้นแล้ว ผักสดต่าง ๆ ก็ราคาสูงขึ้นด้วย อาทิ มะเขือเทศ เดิมถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 150 บาท ปัจจุบัน ราคาปรับขึ้นอยู่ที่ 270-300 บาท ราคาพริก ปัจจุบัน 80-100 บาท มะละกอ ถุงละ 10 กิโลกรัม เดิมราคา 150-180 บาท ปัจจุบัน ราคา 250-300 บาท ขณะที่ผักบางชนิดราคาสูงถึง 400 บาทแล้ว ยอมรับว่าต้นทุนสูงมาก แต่ยืนยันยังขายราคาเดิม

ขณะที่ นายนคร บุตรดีวงศ์ พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากที่เป็นข่าวสินค้าขึ้นปรับขึ้นราคา ทางจังหวัดศรีสะเกษมีนโยบายออกติดตามลงพื้นที่ว่ามีการกักตุ้นสินค้าหรือเพิ่มราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาข้าวสารหรือสินค้าอื่น ๆ ในจังหวัดศรีสะเกษ ว่ามีสินค้าที่จำหน่ายเกินกว่าราคาปกติหรือไม่ ทางกระทรวงพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามลงพื้นที่ตรวจสอบห้างสรรพสินค้า ตลาดทั่วไป การลงพื้นที่ก็พบว่า สินค้าบางตัวก็ยังคงราคาปกติอยู่ แต่ก็จะมีสินค้าบางตัวที่มีการปรับราคาขึ้น

ในส่วนของแนวโน้มราคาข้าว โดยเฉพาะปัจจัยในเรื่องของตลาดโลกในปีนี้ และแนวโน้มปีต่อไปข้างหน้า คิดว่าจะต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่เผชิญกับภัยแล้งบางประเทศที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกหลักในเรื่องตลาดข้าว ทั้งนี้ทั้งนั้น ในอนาคตข้างหน้าก็จะต้องขึ้นกับปัจจัยในการผลิตข้าวของคนไทย เพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ และจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหรือภัยแล้งหรือไม่

อยากฝากถึงผู้ประกอบและผู้บริโภค ให้ติดตามราคาข้าวสารได้ราคาสินค้าอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด ทางกระทรวงพาณิชย์ก็จะมีการประชาสัมพันธ์ในเรื่องของราคาในแต่ละวัน แล้วจะฝากถึงส่วนของผู้ประกอบการให้กำหนดราคาจำหน่ายข้าวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานราคาไม่สูงเกิน ถ้าผู้ประกอบการท่านไหนที่ปรับราคาเกินสมควร ก็จะมีโทษปรับตามกฎกระทรวงพาณิชย์พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ห้ามผู้ประกอบการกักตุนสินค้าหรือฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท ทางกระทรวงพาณิชย์ไม่อยากให้ผู้ประกอบการทำ และอยากให้เห็นใจผู้บริโภคในประเทศไทยเราด้วย

ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้ามีปัญหาหรือได้รับผลกระทบจากการจำหน่ายสินค้าที่เกินราคา หรือกักตุนราคาสินค้าในพื้นที่ศรีสะเกษ ให้สอบถามเข้ามาที่สายด่วน 1569 หรือหน่วยงานพาณิชย์ ได้มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ.