เมื่อวันที่ 18 ส.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.พงศ์นริทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำกำลังพร้อมหมายจับศาล เข้าจับกุมนายชลวิชา อายุ 33 ปี ชาวสมุทรสาคร ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือ และร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์

สืบเนื่องจากกรณีมีอดีตแพทย์อายุรกรรม และ อดีต ผอ.ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษา เกษียณราชการ ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน สร้างความเสียหายกว่า 101 ล้านบาท โดยหลอกว่ามีพัสดุผิดกฎหมาย แล้วอ้างตัวเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย สนทนาเพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว จนสามารถหลอกให้โอนเงินไปทั้งสิ้น 101,871,381 บาท โดยเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ย. 65 ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 สืบสวนแกะรอยจนทราบว่านายชลวิชา หลบหนีความผิดมากบดานในพื้นที่หมู่ 5 ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ จึงติดตามเข้าจับกุมตัวไว้ได้

จากการสอบสวนนายชลวิชา ให้การว่า เดิมเคยประกอบอาชีพเป็น รปภ. แต่มีปัญหาทางการเงิน จึงสมัครงานผ่านเพจหางานกาสิโนในเฟซบุ๊ก โดยแอดมินเพจแจ้งเพียงว่า มีลักษณะการทำงานเป็นแอดมินตอบโต้ลูกค้า จึงเดินทางข้ามชายแดนทางพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อไปถึงกลับพบว่าเป็นการทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงเหยื่อโอนเงิน โดยจะมีคนสอนให้พูดตามสคริปต์ ให้รับบทเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย มีสัญญาการทำงาน 6 เดือน มีค่าตอบแทน 30,000 บาทต่อเดือน และจะได้รับค่าคอมมิสชั่นเพิ่ม หากทำงานได้ยอดตามเป้า เมื่อครบกำหนด 6 เดือน จึงเดินทางกลับมาประเทศไทย และถูกจับกุมในที่สุด ก่อนควบคุมนำส่งพนักงานสอบสวน บช.สอท. ดำเนิคดีต่อไป.