จากกรณีที่มีกระแสข่าวการนำเอกสารหลักฐานการนำเข้าจำนวน 4 ตู้คอนเทเนอร์ แจ้งความดำเนินคดีที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ตรวจสอบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังพบหลักฐานจากตรวจค้นห้องเย็นในพื้นที่จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 65 โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พบการสำแดงเอกสารเป็นเท็จ ซึ่งสำแดงเป็นเม็ดพลาสติก แต่ภายในเป็นเนื้อสุกรแช่แข็ง ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านการเสียภาษีศุลกากร

พชร อนันตศิลป์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวชี้แจงว่า จากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. 65 นั้น กรมศุลกากร ได้ขอหมายค้นของศาล จ.สมุทรสาคร ตรวจค้นห้องเย็นในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นการสนธิกำลังร่วมกัน ระหว่าง ศุลกากร, กรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ซึ่งผลการตรวจค้น พบซากสัตว์แช่แข็ง (เนื้อสุกรและขาไก่) มีเมืองกำเนิดจากต่างประเทศ รวม 128,400 กก. มูลค่าประมาณ 22 ล้านบาท ภายในห้องเย็นและบางส่วนบรรทุกอยู่ในตู้คอนเทเนอร์บนรถยนต์บรรทุกพ่วง ซึ่งไม่มีเอกสารหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากร ไม่มีใบอนุญาตให้นำหรือเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ภายใน เข้าใน หรือออกนอกเขตโรคระบาด เขตโรคระบาดชั่วคราว หรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาด (ร.3) และไม่มีใบอนุญาตนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ ที่ต้องได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ (ร.6 และ ร.7) มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งได้ยึดของกลางทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้กรมศุลกากร ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากร และ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการของพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนและขยายผล ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูเถื่อนนั้น กรมศุลกากรได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือกระทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่และขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ขณะเดียวกันกรมศุลกากรยังให้ความสำคัญในการจับกุมผู้ที่ลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรมีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ เข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างต่อเนื่องในทุกกรณี เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากสารปนเปื้อนและเชื้อ ASF และยังเพิ่มความเชื่อมั่นให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรไทย ว่า สินค้าสุกรจะเป็นไปตามกลไกทางการตลาดอย่างแท้จริง