เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ศาลปกครองกลาง นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตอัยการ และอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ประสงค์จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมคณะ เข้ายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567

นายพนัส กล่าวว่า จากระเบียบ กกต. ที่ออกมา มีประเด็นที่อยากให้ศาลปกครองวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องการแนะนำตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะข้อที่ 7, 8 และข้อ 11 โดยเฉพาะข้อห้ามในเรื่องของการแนะนำตัวผ่านสื่อทุกชนิด รวมไปถึงโซเชียลมีเดียด้วย เราคิดว่า กกต. ไม่มีอำนาจมากำหนดและจำกัดสิทธิในการแนะนำตัวผู้สมัคร ซึ่งเราเห็นว่าสิ่งที่ กกต. ออกระเบียบออกมาเป็นการจำกัดสิทธิเรามากเกินไป เราทราบดีว่าระเบียบนี้ยังไม่ได้บังคับใช้เนื่องจากต้องรอพระราชกฤษฎีกา แล้วต้องรอให้เราเป็นผู้สมัคร วันนี้เรายังไม่เป็นผู้สมัคร แต่เป็นผู้ที่ประสงค์จะเข้ามาสมัคร ดังนั้นจึงมองว่าควรมีสิทธิเสรีภาพในการแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จักให้ประชาชนทั่วไป

เมื่อถามว่า หากศาลไม่รับคำร้องจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายพนัส กล่าวว่า ต้องรอดูคำสั่งของศาลว่าเราจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองหมายความว่า เป็นการคุ้มครองผู้ฟ้องนั่นคือพวกเรา และข้อบังคับใช้ที่ กกต. จะไม่มีผลต่อพวกเรา  

เมื่อถามอีกว่า ส่วนระเบียบนี้จะมีการเอื้อหรือกระทบต่อใคร นายพนัส กล่าวว่า กระทบต่อตนโดยตรงอยู่แล้ว ตนไม่สามารถใช้เสรีภาพในการแนะนำตัวเองได้เลย แต่ขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้มีอิทธิพลไม่ว่าจะเป็นในระดับอำเภอ จังหวัด หรือประเทศ ซึ่งระเบียบนี้ตนไม่สามารถไปร้องต่อใครได้เลย

เมื่อถามเพิ่มเติมว่า มีการวิเคราะห์กันว่าระเบียบนี้เป็นการสกัด สว.สีส้ม นายพนัส กล่าวว่า ตนไม่ได้พิจารณาในประเด็นสีส้มหรือสีอะไร ตนก็แค่อยากจะยึดตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยระบบตามระบอบประชาธิปไตย ควรจะเป็นระบบเปิดเพราะเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน

“การจะมี สว. 200 คน ปรากฏว่าประชาชนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งมันไม่น่าจะถูกต้องกับหลักของประชาธิปไตย” นายพนัส กล่าว

เมื่อถามอีกว่า กกต. ระบุว่า ได้เก็บข้อมูลผู้ประสงค์ที่จะลงสมัครในเว็บไซต์ Senate67 และพร้อมมาเอาผิด หากพบว่ามีมูล ถือเป็นการข่มขู่หรือไม่ นายพนัส กล่าวว่า เป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ กกต. ไม่ได้บอกว่ามีอำนาจอะไรที่สามารถดำเนินการอย่างนั้น และตนได้ฟังข่าวเมื่อเช้าวันนี้ (30 เม.ย.) ก็เห็นว่าสามารถแนะนำตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ เพียงแต่ว่าห้ามชี้นำ หากเป็นจริงตามข่าวก็แสดงว่า กกต. ยอมรับว่าสามารถทำได้

นายพนัส กล่าวย้ำว่า สิ่งที่เป็นประเด็นน่าเป็นห่วงคือ มาตรา 36 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ได้มีการกำหนดโทษไว้ด้วยว่า ถ้ากระทำการผิดเงื่อนไขหรือวิธีการที่ กกต. กำหนดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ดังนั้นจึงต้องพิจารณาให้ดี ว่าระเบียบที่ กกต. ได้ออกมาเป็นเรื่องที่สำคัญมากหรือไม่ ถึงขนาดว่าถ้าทำผิดเงื่อนไข จะต้องติดคุกเป็นปี และถูกตัดสิทธิทางการเมืองหรือไม่ แต่สิ่งที่เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ควรมีโทษมากขนาดนี้

ด้าน น.ส.ชลณัฏฐ์ โกยกุล ผู้ที่จะประสงค์รับเลือก สว. กล่าวถึง กฏระเบียบที่มีความขัดแย้ง และกรณีผู้สมัครไม่สามารถหาเสียงทั่วไป แต่หาเสียงกับผู้สมัครกันเองได้ว่า ตัวระเบียบและกฎหมายมีความขัดแย้งกัน โดยยกตัวอย่างว่า ผู้สมัครไม่สามารถหาเสียงกับประชาชนทั่วไป จึงเกิดคำถามว่า ในการดำเนินการจะมีการแยกอย่างไรว่า ใครเป็นผู้สมัครบ้าง โดยเฉพาะ www.senate67.com ถูก กกต. สั่งปิด ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่ากลุ่มที่แสดงเจตจำนงในการสมัครนี้ไม่ได้มีสี ไม่ว่าจะส้มหรือสีใดตามที่มีข้อสังเกต และย้ำถึงความเป็นอิสระ แต่หากหลักการอุดมการณ์ในการทำหน้าที่ไปตรงกับกลุ่มพรรคการเมืองใด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

น.ส.ชลณัฏฐ์ กล่าวอีกว่า ห่วงการทำหน้าที่สื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวด้วยระเบียบที่ซับซ้อนและมีข้อจำกัด โดยเฉพาะมีผู้เตรียมสมัคร สว. ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวหรือเป็นผู้ก่อตั้งสำนักข่าว ที่มีข้อห้ามว่าไม่ให้ผู้สมัครให้สัมภาษณ์ออกสื่อ จะทำให้สุ่มเสี่ยงที่จะฝ่าฝืนระเบียบ ถูกตัดสิทธิการสมัคร แต่กฎหมายไม่ได้ระบุฐานความผิดไว้ว่าขัดต่อมาตราใด

นายยิ่งชีพ อัชชานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ (iLaw) กล่าวว่า ไอลอว์มีความตั้งใจ ทำ senate67.com ช่วย กกต. ประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับกติกาการเลือก สว. และข้อมูลผู้สมัคร สว. ว่ามีใครบ้าง เพื่อให้ผู้สมัครมีพื้นที่ในการออกสื่อสาธารณะได้อย่างเท่าเทียม ให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับผู้สมัคร เพื่อจะได้ติดตามข่าว

นายยิ่งชีพ กล่าวอีกว่า แต่ระเบียบของ กกต. ที่ออกมา ไม่มีความชัดเจน ว่าสามารถทำอะไรได้หรือทำอะไรไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า การทำเว็บไซต์ที่ทำมาก่อนหน้านี้สามารถทำได้ เพราะอะไรที่กฎหมายไม่ได้สั่งห้าม สามารถทำได้ แต่ผู้สมัครหลายคนที่ให้ข้อมูลกับเว็บไซต์ดังกล่าว กังวลว่าจะถูก กกต. ตีความกลายเป็นความผิด ทำให้ไอลอว์ ตัดสินใจนำข้อมูลทั้งหมดออก

นายยิ่งชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้อีก 1-2 วัน ระบบจะกลับมา หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้มีฟังก์ชันในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร สว. พร้อมยืนยันว่า ข้อมูลผู้สมัครทั้ง 1300 กว่าคน ยังเก็บอยู่ในชั้นความลับ ไม่มีการจัดตั้ง หรือเข้าถึงข้อมูลได้