จากกรณี กันสาดอาคารพาณิชย์พังถล่มลงมาทับรถยนต์และสิ่งก่อสร้างหลายอย่าง เหตุเกิดบริเวณปากซอยเจริญกรุง 72/5 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม. ช่วงคืนวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา โชคยังดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิตตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายสายัณห์ กุศลพันธ์ นักจัดการงานโยธาชำนาญการพิเศษ หัวหน้าฝ่ายโยธา สำนักงานเขตบางคอแหลม พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบความเสียหาย ภายหลังกล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอทางการไฟฟ้านครหลวง ดำเนินการซ่อมแซมเสาไฟที่ได้รับความเสียหายก่อน จากนั้นจะดำเนินการเคลียร์เศษซากที่พังถล่มลงมา คาดว่าใช้ระยะเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงจึงจะดำเนินการแล้วเสร็จ ส่วนภายในอาคาร เบื้องต้นยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากเศษซากพังถล่มลงมากีดขวางทางเข้าอาคาร ซึ่งต้องรอดำเนินการเคลียร์เศษซากให้แล้วเสร็จ จึงจะสามารถเข้าไปตรวจสอบสภาพภายในอาคารได้ว่า มีผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารหรือมีความเสี่ยงที่จะถล่มลงมาอีกหรือไม่

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินอาคารบริเวณด้านนอก เห็นว่าไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างแต่อย่างใด แต่เพื่อความปลอดภัย จะเตรียมออกประกาศห้ามใช้อาคารดังกล่าว 30 วัน และได้สั่งการให้ปิดกั้นพื้นที่ดังกล่าว ไม่อนุญาตให้บุคคลใดเข้าออกโดยเด็ดขาด พร้อมกันนี้ จะส่งประกาศห้ามใช้อาคารให้เจ้าของอาคารรับทราบ เพื่อดำเนินการตรวจสอบสภาพอาคารและปรับปรุงก่อสร้างอาคารใหม่ หรืออาจจะพิจารณาทุกอาคารหลังดังกล่าว หากพบว่ามีโครงสร้างที่ได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

สำหรับอาคารแห่งนี้ ก่อสร้างมาแล้วมากกว่า 30 ปี ใช้เป็นอาคารธนาคาร ภายหลังไม่ใช้ประโยชน์อะไร โดยได้รับการอนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้อง ส่วนตัวผนังกันสาดนั้น ถือว่าเป็นส่วนที่ต่อเติมเพื่อติดตั้งป้ายธนาคาร ซึ่งต้องขออนุญาตจากทางสำนักงานเขต เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า อาคารหลังนี้ได้ขออนุญาตต่อเติมติดตั้งผนังกันสาดถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ดังนั้นในความผิดทางอาญา เจ้าของอาคารไม่มีความผิดแต่อย่างใด แต่ก็ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเสาไฟฟ้าที่เสียหาย 2 ต้น เสากล้องวงจรปิด ป้ายบอกทาง และสาธารณูปโภคอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นการเอาผิดทางแพ่ง เนื่องจากมีการปล่อยปละละเลย ไม่ตรวจสอบสภาพอาคารให้เกิดความปลอดภัย

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายโยธาฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบทุกอาคารในพื้นที่เขตบางคอแหลมแล้ว แต่เพื่อป้องกันเหตุในลักษณะเช่นนี้ซ้ำรอย จะเพิ่มความเข้มงวดในการแจ้งบรรดาเจ้าของอาคารในพื้นที่โดยรอบ เพื่อตรวจสอบสภาพความปลอดภัยของอาคารไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเช่นนี้อีก ขณะที่สภาพการจราจรบริเวณถนนเจริญกรุง ทางเจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรจำนวน 1 เลน เพื่อให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ จึงทำให้การจราจรเคลื่อนตัวลำบาก แต่ไม่ถึงกับติดขัด.