กรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หายไปจากสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ อย่างไร้ร่องรอย เมื่อช่วงคืนวันที่ 5 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสว่ามีบุคคลของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง และปัญหาการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ที่ให้นายหน้าเข้ามาตัดไม้พะยูงภายในโรงเรียนถึง 22 ต้น กับอีก 2 ตอ ราคาเพียง 153,000 บาท โดยทางจังหวัดได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.- ส.ต.ง.-ป.ป.ท. เอาผิดทางวินัย แพ่ง อาญา ล่าสุด ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ตั้งคณะไต่สวนจัดชุดใหญ่ ตรวจสำนวนตำรวจส่งความผิด 8 เจ้าหน้าที่รัฐ เอี่ยวขายไม้พะยูง นอกจากนี้ยังพบว่ากลางดึกวันที่ 26 ส.ค.66 ยังมีคนร้ายลักลอบตัดไมพะยูงในโรงเรียนห้วยเม็กวิทยา อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ชาวบ้านจึงเรียกร้องไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่งคนมากวาดล้างขบวนการมอดไม้ใน จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดยังมีชาวบ้านใน ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก แจ้งข่าวโรงเรียนหนองโนวิทยาคม ขายไม้มะยูง 9 ต้น ราคาถูก และมีเงื่อนงำ ลักษณะเดียวกับโรงเรียนคำไฮวิทยา ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

สั่งตรวจสอบ! พ่อเมือง แจงปมให้ตัดพะยูงรร. ยัน ‘ธนารักษ์-สพป.’ ไม่เคยแจ้งมาก่อน

‘พาณิชย์’ ตะลึง! ซื้อขายไม้พะยูงกันได้ยังไง ส่อผิดระเบียบหลวง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่โรงเรียนโคกกลางเหนือพิทยาสรรพ์ ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ นายสำเริง ม่วงสังข์ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้รับมอบหมายจาก นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นายอำเภอห้วยเม็ก เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบต้นไม้พะยูงตามคำร้องขอของชาวบ้านในชุมชน ต.หัวหิน ซึ่งได้นำภาพนิ่งที่ได้มาจากก้องวงจรปิดของโรงเรียนโคกกลางเหนือพิทยาสรรพ์ เป็นกลุ่มชายฉกรรจ์เดินใช้สว่านเจาะต้นไม้พะยูงของโรงเรียนอย่างไม่เกรงกลัว เหมือนกับให้นายทุนมาตีราคาต้นไม้พะยูงก่อนที่จะทำการตัดขายในรูปแบบระเบียบพัสดุของกรมธนารักษ์

การตรวจสอบภาพวงจรปิดพบกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่น้อยกว่า 7 คน เดินทางมาด้วยรถหรู แหล่งข่าวระบุว่าหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ เข้ามาสำรวจต้นไม้พะยูง และหนึ่งในนั้นได้ทยอยเจาะต้นไม้พะยูงที่ทางโรงเรียน คณะครู นักเรียน ชาวบ้าน ได้ช่วยกันนำลอดหนามมารอบเอาไว้เพื่อป้องกันโจรเข้ามาลักตัดไม้ โดยได้พบหลักฐานร่องรอยเป็นน้ำยางไหลซึมออกมาเป็นสีดำ แต่ละต้นถูกเจาะไม่ต่ำกว่าสองรู ทางจังหวัดจึงได้เรียกผู้บริหารโรงเรียนเข้ามาทำความเข้าใจพร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้มีการประมูลไม้ขายโดยเด็ดขาดอีกทั้ง ต้นไม้พะยูง ไม่ได้เสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่นักเรียนแต่อย่างใด

นายสำเริง กล่าวว่า จากการตรวจสอบเป็นไปตามที่ชาวบ้านซึ่งได้ส่งหลักฐานมายังจังหวัด ผลการตรวจสอบก็พบมีการเจาะไม้พะยูงจริง จึงได้กำชับให้ผู้บริหารโรงเรียน นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง รวมถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ร่วมกันอนุรักษ์ต้นไม้พะยูง เนื่องจากเท่าที่ดูต้นไม้พะยูงจะมีอายุมากกว่า 60 ปี เพราะเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ และกำลังจะสามารถให้ผลที่จะนำไปแพร่พันธุ์ต้นพะยูงได้ ส่วนพฤติกรรมการเข้ามาเจาะ ได้ส่งหลักฐานที่ได้ให้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก นายอำเภอห้วยเม็ก รวมถึงรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ตั้งชุดเฉพาะกิจที่มี นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นหัวหน้าทีม

“ทั้งนี้หลักฐานที่พบเป็นภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียน ที่มีชาวบ้านและครูที่หวงแหนต้นไม้พะยูง ส่งให้ โดยมี วัน เดือน ปี ระบุ เหตุวันที่ 5 ก.ค. 66 เวลาประมาณ 18.00 น. เป็นภาพกลุ่มฉกรรจ์ เดินทางมาด้วยรถหรูจำนวน 2 คัน ประมาณ 7 คน ได้เข้าไปพูดคุยกับครูในโรงเรียน จากนั้นได้เข้าไปสำรวจต้นไม้พะยูงของโรงเรียน พร้อมกับนำสว่านเจาะเพื่อตีราคาจำนวน 9 ต้น ก่อนที่จะพากันแยกย้ายออจากพื้นที่ โดยการพูดคุยในลักษณะเตรียมที่จะให้ทางโรงเรียนขออนุญาตตัดไม้พะยูง เหมือนกับเหตุที่เกิดขึ้นมาแล้ว 3 แห่ง ในพื้นที่ อ.หนองกุงศรี และ อ.ห้วยเม็ก เพื่อป้องกันเหตุขโมยตัด และหาเงินเข้าแผ่นดิน ซึ่งกรณีนี้ได้รายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว” นายสำเริง กล่าว

นายสำเริง กล่าวต่อว่า ปัญหานี้ตามภาพที่พบหากเป็นข้าราชการจริงเชื่อว่าเกลือคงเป็นหนอน เพราะการเข้ามาเพียงแค่จะเจาะไม้หากไม่ใช้ข้าราชการทางโรงเรียนคงไม่อนุญาตให้เจาะ เพราะเท่าที่ดูทางโรงเรียนได้นำลวดหนามเข้ามาล้อมรอบต้นไม้พะยูงไว้ทั้งหมด จึงได้วางแนวทางป้องกันอย่างเข้มข้นและสั่งห้ามให้มีการตัดโดยเด็ดขาด ส่วนประเด็นพาณิชย์จังหวัดเปิดโปงว่าการค้าขายไม้พะยูงเป็นพฤติกรรมลวงโลก ผู้ว่ากาฬสินธุ์เตรียมเรียกพาณิชย์จังหวัดร่วมสอบพฤติกรรมประมูลขายไม้พะยูงของหลวง ที่ส่อผิดระเบียบและกฏหมายรวมถึงการส่งออกต่างประเทศ แต่จนถึงขณะนี้ ทางด้าน ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ รวมถึง ผอ.สพป.เขต 2 กาฬสินธุ์ ก็ยังไม่รายงานผลการ ประมูลไม้พะยูงโรงเรียน รวมถึงของกลาง ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562 มาทางจังหวัดแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ข้อมูลด้วยวาจาว่ากับทางจังหวัดว่า ได้รายงานไปยัง อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และ เลขาฯสพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ เรื่องในพื้นที่เกี่ยวกับข้อมูลจึงยังนิ่งสนิท

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ทีมข่าวเปิดโปงขบวนการเครือข่ายตัดไม้พะยูง รวมถึงการใช้ช่องว่างทางกฏหมายระเบียบพัสดุ กรมธนารักษ์เข้าตัดไม้ตามสถานศึกษา ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่มีชาวบ้านในชุมชนหลายอำเภอทยอยส่งหลักฐานการประมูลไม้พะยูงขายไปยัง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ เพิ่มมากขึ้นที่เตรียมที่จะเข้าตรวจสอบเพื่อเปิดโปงขบวนการตัดไม้ โดยเฉพาะวิธีการประมูลขายของ ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ กับ สพป.เขต 2 เนื่องจากพบว่ามีการประมูลไม้พะยูงโรงเรียนไปแล้ว 3 แห่ง และจะยังมีอีกหลายแห่งที่จะต้องเข้าตรวจสอบ ขณะเดียวกันในสังคมโลกออนไลน์ ได้มีการโพสต์ภาพ คณะครูของโรงเรียนโคกกลางเหนือพิทยาสรรพ์ ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ได้ช่วยกันนำตะปูไปตอกต้นไม้พะยูงที่แต่ละต้นมีอายุกว่า 60 ปี พร้อมแคปชั่นว่า

“ดูไว้ก่อนจะไม่มีให้ดู..ไม้พะยูงอายุเกือบ 40 ปี ช่วงนี้มีคนแปลกหน้ามาจอดรถดูพร้อมถ่ายภาพ แทบทุกสัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีหลายกลุ่มที่มาติดต่อขอซื้อจากโรงเรียน แต่ถูกปฏิเสธไป แม้บางกลุ่มเสนอให้ราคาเป็นล้านก็ตาม เหมือนกับเมื่อ 5-6 ปีก่อน แก๊งลักลอบตัดไม้พะยูงในโรงเรียน มีอาวุธปืนมาพร้อม ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้.. หลายโรงเรียนต้องยอมให้เข้าไป เพื่อความปลอดภัยของตนเอง..ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย แก๊งตัดไม้จะมีการวางแผนอย่างดี ดูช่วงเวลาที่ปลอดคน จึงลงมือดำเนินการ ครั้งนี้ถือว่าหลายฝ่ายให้ความสำคัญมาดูแลช่วยกันวางแผนป้องกัน มีทั้งรองผู้ว่าฯ นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจและกำนันผู้ใหญ่บ้านมาช่วยกันตอกตะปู 4 ต้น ละ 2 กก.เศษ ติดตั้งไฟโซล่าเซลเพิ่มขึ้น ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น ขอ ผรส.ในตำบลมาช่วนกันเข้าเวรยามดูแลความสงบตอนกลางคืน และข้อสุดท้าย (รอหน่วยเหนือเห็นชอบ) อาจมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าไปที่ต้นพะยูงทุกต้นในช่วงค่ำ 6 โมงเย็นถึง 6 โมงเช้า..ถ้าแก๊งโจรกลุ่มนี้ยังกล้ามาอีก..ก็แล้วแต่จะเป็นไปนะ..”