กรณีนายธนัญชัย หรือ หน่อง หมั่นมาก คนสนิท กำนันนก หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ จ.462/2556 ลง 7 ก.ย. 2566 ที่ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. จนเสียชีวิต แต่คนร้ายต่อสู้ขัดขวาง ชักอาวุธปืนยิงใส่ต่อสู้จึงเกิดการยิงปะทะ ก่อนพบร่างนายธนัญชัย นอนสิ้นลมหายใจอยู่บริเวณข้างรถยนต์กระบะตัวเอง ขณะที่ กำนันนก ยังปฏิเสธ อ้างลูกน้องลงมือยิงเอง โดยขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในคุกนั้น

เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 15 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์หลังจาก พ.ต.ต.ศิวกร ถูกยิงเสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน ถูกยิงบาดเจ็บ มาเผยแพร่ โดยเป็นภาพนิ่งซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์บางส่วน เพื่อชี้ให้เห็นถึงการช่วยเหลือ ตำรวจ 2 นาย หลังจากถูกยิง

โดยภาพแรกเป็นภาพ ตำรวจ 3 นาย คือ ด.ต.สราวุธ / ด.ต.ชณาณัฐ / พ.ต.ต.ณรงค์ ช่วยอุ้มร่าง สารวัตรศิวกร หลังถูกยิงบาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้น จ.ส.ต.ทศพล และ จ.ส.ต.เมทิศกร ต่างวิ่งไปเอารถยนต์มา เพื่อจะพาสารวัตรศิวกร ส่ง รพ. จากนั้น พ.ต.ต.ณรงค์ /ด.ต.สราวุธ /ร.ต.ท.จตุรวิทย์ / พ.ต.ท.ภทร มาช่วยเหลือ พ.ต.ท.วศิน ที่ถูกยิงบาดเจ็บเช่นกัน โดยนำขึ้นรถกระบะ ซึ่งมี พ.ต.อ.วชิรา หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ขึ้นไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีภาพ ช่วงก่อเกิดเหตุ ขณะที่นายหน่อง อยู่ในงาน และที่กางเกงมีปืนที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนอีกภาพคือ นายเด้ง ญาติของกำนันนก กับ นายต๋อง เดินเข้ามาในงาน และมีภาพส่งปืนให้ นายเด้ง เข้าไปในงานด้วย ซึ่งหลังจากนายหน่อง ก่อเหตุยิง สารวัตรศิวกร แล้ว นายเด้ง ชักปืนออกมาในลักษณะปกป้องกำนันนก ต่อมามีภาพหลักฐานชัดเจนว่า มีตำรวจ 2 นายที่ถูกดำเนินคดีและถูกควบคุมตัวในเรือนจำไปแล้วนั้น มีภาพถอดเสื้อ และมีปืนเหน็บอยู่ที่บริเวณเอวอีกด้วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ภาพแรกสิ่งที่สังคมสงสัย ตำรวจที่ให้การเท็จ จะเห็นว่าคนช่วยเหลือ ผู้บาดเจ็บมีแค่นี้เอง ที่ให้การว่าช่วย ก็ไม่ได้ช่วยคนเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งคำให้การขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ส่วนการดำเนินคดีจะร่วมกันพิจารณาแจ้งข้อหาให้การเท็จ ว่ามี ตำรวจนายใดบ้างที่ต้องถูกแจ้งข้อหานี้ตำรวจในงานส่วนใหญ่มีปืน แต่ไม่ช่วยเหลือ ทั้งที่เป็นเหตุซึ่งหน้า ซึ่งมีตำรวจหลายนาย ไปช่วยเหลือผู้ต้องหา ส่วนนายตำรวจระดับสูงเผ่นแน่บ แล้วบอกว่าไปช่วย แต่ก็ไม่ได้ช่วยเลย แบบนี้ย่ำแย่มาก ซึ่งจะดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอีกด้วย

ส่วนข้อสงสัยเรื่องกล้องวงจรปิด 2 กล้อง ที่มีการสับสนนั้นทีแรกนั้น ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว ว่าที่กู้ได้ 100% มีแค่ 13 กล้อง ส่วนกล้องอีก 2 กล้อง ที่มีปัญหา คือ กล้องตัวที่ 1 ไม่ได้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. ส่วนกล้องที่ 2 กำนันนก เป็นคนมาปิดสวิตช์ ตั้งแต่ 10.16 น. ของวันเกิดเหตุ ทำให้หลังจากเวลาดังกล่าวจึงไม่มีภาพเหตุการณ์ใดๆ สรุปแล้วไม่มีการดึงปลั๊ก ไม่มีการถอดสายซึ่งตนตั้งสมมติฐานว่า ในวันดังกล่าว มีการจัดงานเลี้ยง ทำให้อาจมีคนมาเตือน กำนันนก ว่าการจัดงาน ไม่ควรบันทึกภาพว่า มีใครมาในงานบ้าง จึงทำให้กำนันนก ตัดสินใจไปปิดกล้อง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องไปมีการไปสอบปากคำว่า ทำไมถึงต้องปิดการใช้งาน

แต่สิ่งที่สังคมคาใจคือใครช่วยบ้าง ซึ่งสื่อฯก็เห็นตามภาพถ่าย วันนี้ในส่วนตำรวจส่วนใหญ่ที่ไปงานเลี้ยง มีปืนเกือบทั้งหมด แต่ไม่มีใครจับกุมซึ่งหน้าเกิดเหตุ ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามม.157 อีกครั้ง ดังนั้นก็จะเห็นได้ว่าตำรวจหลังเกิดเหตุช่วยผู้กระทำผิด เช่นขับรถตามบ้างและไปเป็นคนคุ้มกันกำนันนก  แทนที่จะอยู่ช่วยตำรวจกลับช่วยผู้ทำผิด นายตำรวจระดับสูงเผ่นหนีแน่บ ที่บอกว่าช่วยเขาก็ไม่ได้ช่วยเขา ก็โกหก ซึ่งแย่มาก ซึ่งกรรมการก็จะดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัย

“เหตุการณ์ที่มีการยิง ในการเข้ามาในงานคงไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรง แต่เมื่อมีการเข้ามางาน ก็มีการโต้เถียง กำนันนกก็คุยกับหน่อง จากนั้นก็มีการส่งสัญญาณ จนนำมาสู่การยิง และวันนี้เรามีหลักฐานว่ากำนันเป็นคนสั่งยิง และหลังจากยิงแล้ว ลูกน้องกำนันCOVER ทุกจุด แต่ตำรวจกระจัดกระจาย ตำรวจไม่จับกุม ไม่ปฏิบัติหน้าที่”รองผบ.ตร.กล่าวและว่า ส่วนตำรวจบอกว่าเอาคนเจ็บไปส่งเดิมทีบอกเป็นสิบ แต่จริงๆแล้วแค่ 5 คน ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไม่มีใครช่วย ต่างคนต่างหนีเอาตัวรอด อันนี้คือข้อเท็จจริงในที่ก่อเหตุ ส่วนจะแจ้งข้อหาใครบ้างจะพิจาณาวันพรุ่งนี้ วันอังคารจะประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยานหลักฐานบ้านกำนันชัดเจนแล้ว และเราจะไล่เรื่องเส้นทางการเงินมาจากไหน ต้องตอบให้ได้ ส่วนในเรื่องการประกอบธุรกิจการประมูลต่างๆ  500 กว่าโครงการ อันนี้ยิ่งกว่าผิดกว่าปกติ ว่ามีการเลี่ยงภาษีหรือไม่ ถ้าไม่ผิดให้ความเป็นธรรม แต่ถ้าผิดก็จะมีการดำเนินการยึดทรัพย์

ทั้งนี้สารวัตรศิวกร มาบ้านกำนันนก ครั้งแรก เนื่องจาก ผู้กำกับเบิ้มเป็นคนชักชวนมา ส่วนมูลเหตุความขัดแย้งเรื่องการขัดแย้งธุรกิจ มีการขอลูกน้องให้เป็นสายตรวจแต่ไม่ได้รับการสนองตอบ และมีปัญหาเรื้อรัง เพราะสารวัตรเขาปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ในเมื่อสารวัตรอย่างเคร่งครัด รถที่บรรทุกน้ำหนักเกินได้ ส่วนนี้ทำให้มีการลุแก่อำนาจถึงแก่สั่งยิง เราจึงทวงความเป็นธรรมให้กับสารวัตร