จากกรณีสะเทือนขวัญ นายธนัญชัย หรือ หน่อง หมั่นมาก คนสนิท กำนันนก หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. จนเสียชีวิต โดยทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินเครื่องเรียกสอบปากคำ 25 ตำรวจ รวมถึงแขกที่ไปร่วมงานเลี้ยง ตามที่ได้นำเสนออย่างต่อเนื่องนั้น

เมื่อเวลา 17:00 น.วันที่ 17 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาที่ห้องประชุมเสสะเวช พร้อมกับเปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดี ว่า จากการที่ได้ดูกล้องวงจรปิดทั้งหมดพบว่า คำให้การยังมีความขัดแย้ง กับข้อเท็จจริงในวงจรปิด ซึ่งนำไปสู่การสอบสวน ส่วนจะนำส่งต่อไปยังส่วนของสำนวนนั้น  ในขณะนี้ ได้ส่งต่อไปยังกองปราบปรามแล้ว  โดยในวันที่ 18 ก.ย.คณะสอบสวนของกองปราบจะพิจารณาร่วมกัน   

ส่วนการทำหน้าที่นั้นต้องแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ เรื่องของการสืบสวนขยายผล จะประชุมร่วมกับ สตง. สำนักงาน ป.ป.ช. และปปง. นั้นจะต้องแยกกัน จะดูในส่วนนี้ส่วนเรื่องการขยายผลเส้นทางการเงินว่าร่ำรวยผิดปกติ มีการเลี่ยงภาษีหรือไม่ โดยจะใช้พนักงานสอบสวนจากตำรวจภาค 7 ในวันที่ 19 ก.ย.ที่ห้องประชุม กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7

ส่วนสำนวนเรื่องกำนันนก ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่าพยายามฆ่า หรือนายหน่อง และตำรวจทุจริตต่อการปฏิบัติหน้าที่นั้น จะแยกไปที่กองปราบในวันพรุ่งนี้ 18  ก.ย. ผบ. ตร. จะหารือกับ ตำรวจสอบสวนกลาง. ซึ่งทางผบ. ตรได้สั่งการให้ แจ้งข้อหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 14 นาย ที่กองปราบ และจะให้กองปราบพิจารณาร่วมกัน โดยผบ. ตร.นั้นไม่ให้มีการแจ้งข้อหาที่ภาค 7 เนื่องจากมีการแยกกันทำงาน ส่วนการสืบสวน ก็จะทำแต่งานสืบสวนสนับสนุนข้อมูลไปยังกองปราบ แต่อำนาจการพิจารณาไม่ใช่อำนาจของภาค 7 ส่วนจะแจ้ง ใครบ้างต้องเอาข้อมูลที่กองปราบ  ทั้งนี้เรื่องการขยายผลการเงิน ว่ามีความผิดปกติ ทั้งเลี่ยงภาษีหรือเรื่องการได้สัญญาโครงการต่างๆ จะทำร่วมกับผู้บัญชาการภาค 7 ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใครทั้งสิ้น รอกองปราบพิจารณาว่าจะดำเนินคดีใครบ้าง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า  วันนี้ไม่สามารถตอบแทนกองปราบ อำนาจในส่วนของตน ผบ.ตร. ให้ดูแลเรื่องของการสืบสวนนั้นมีเพียงเท่านี้  ในวันนี้เมื่อสืบสวนแล้ว แต่จะแจ้งข้อหา นั้นเป็นอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะโอนคดีไปแล้ว ตนจะทำแต่หน้าที่ในเรื่องของการขยายเส้นทางการเงิน โดยใช้มาตรการยึดทรัพย์ต่างๆ ในการสืบสวนสอบสวนนั้นแยกกันเป็น 2 คดี 1 คดีฆ่าสารวัตรแบงค์ มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คน คือ 1. นายหน่อง โดนข้อหาฆ่าผู้อื่น 2. กำนันนกให้การสนับสนุน และมีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 5 คน ที่ร่วมกันทำลายหลักฐานต่างๆ  สำหรับคดี ทุจริตประพฤติโดยมิชอบมีผู้ต้องหา 6 คน เป็น ตำรวจ

ส่วน พ.ต.อ.กฤษฏาพร จงอักษร ผกก สน.พญาไท นั้นจะให้การเท็จหรือไม่ ต้องพิจารณาจากข้อมูลเดิมที่ให้การไว้ เช่นหากให้การไม่ครบถ้วนและให้การเพิ่มภายหลัง ไม่ได้เรียกว่าการให้การเท็จ แต่หากตอนแรกบอกว่าเห็น แต่บอกอีกครั้งว่าไม่เห็น แบบนี้ชัดเจนว่าให้การเท็จ ซึ่งที่ผ่านมา ผกก.สน.พญาไท ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก แต่จะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือไม่นั้นมันเป็นแค่ปลีกย่อย

ส่วนกรณีที่กำนันนกเคยดำรงตำแหน่งเป็น กต.ตร.ของ ภ.จว.นครปฐม และขณะนี้ก็ได้สั่งปลดแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางผวจ.นครปฐมได้สั่งปลดแล้ว โดยคาดว่าเรื่องการแต่งตั้ง กำนันนก น่าจะเสนอจากผู้บังคับการจังหวัดนครปฐม ไปเป็น กต.ตร. แต่เมื่อเกิดเรื่องจึงได้เซ็นยกเลิกไป เดิมเคยดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนาและ วัฒนธรรม คิดว่า ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมเป็นคนคัดสรร เป็นไปได้ว่าอาจจะรู้จักกับ ผบก. ภ.จว.นครปฐม ถ้าไม่รู้จักกันคงไม่แต่งตั้ง

ส่วนคุณสมบัติของกต.ตร.นั้น ต้องเป็นคนที่มีเงินหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์ต้องเอาคนที่มีจิตมุ่งมั่นสนับสนุนงานตำรวจ เป็นผู้แทนภาคประชาชน เน้นเรื่องการสะท้อนการทำงานของตำรวจ เช่นถนนไม่ดี การจราจรติดขัด คนเหล่านี้ต้องเป็นตัวแทนภาคประชาชนเข้ามา ตอนนี้ทุกจังหวัดต้องตื่นตัวในการพิจารณา ไม่เอาผู้มีอิทธิพลมาเป็น กต.ตร. วันนี้การจับกุมกำนันนกเป็นแค่ปลายเหตุ หากเอาให้หมดสิ้น ต้องขยายเรื่องการเงิน ที่ผิดปกติและดูว่าทำไมจึงได้มีโครงการเป็นพันโครงการ เส้นทางการเงินว่าโอนไปให้ใครบ้าง

เมื่อถามว่า จากกระแสที่บอกว่าวงจรปิดที่ ทาง พ.ต.อ.กฤษฏาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท ได้ให้การช่วยเหลือ แต่ไม่ได้มีภาพออกมานั้น ซึ่งทาง ผกก.สน.พญาไท ให้การไม่ตรงกับกล้องวงจรปิดและข้อเท็จจริง หมายถึงว่า ผกก.สน.พญาไท ไม่มีภาพในวงจรปิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตอนนี้บอกไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของกองปราบปราม เราเห็นว่าในคำให้การของตำรวจขัดแย้งจากกล้องวงจรปิด ที่ช่วยก็ไม่ได้ช่วย ซึ่งก็รวบรวมให้กองปราบ แต่การแจ้งข้อหาส่วนไหนต้องอยู่ที่อำนาจของกองปราบปราม เราเป็นเพียงผู้สนับสนุนข้อมูล

สำหรับเรื่องวงจรปิดนั้นจะเป็นการปิดสวิตช์หรือไม่ โดยที่ปรึกษาสำนักงานพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาดู ซึ่งได้เปิดเผยว่า ช่างได้มีการเข้าไปทดสอบหลายครั้ง ทดสอบปิดโดยใช้สวิตซ์แต่สุดท้ายของ สุดท้ายของการปิดไม่มีการ login เข้าไป ในจุดของกล้องที่ส่งมายังโต๊ะจีนนั้น ไม่มีภาพ ซึ่งช่างบอกว่าถ้าไม่มี login เข้าไปจะเป็นการดึงสายออก วันนี้เรื่องกล้องเราให้บริษัทติดตั้งเข้ามาตรวจสอบ กล้องได้ ถูกถอดบอร์ดออกมาพบว่า ตัวกำนันมากดปิดที่หน้าจอ ตัวที่ไม่เห็นไม่ได้หมายความว่ากล้องไม่ได้มีการบันทึก แต่มีการกดปิดหน้าจอจึงไม่ได้เป็นการบันทึกไว้ สรุปว่าเป็นการกดปิด และมีข้อมูลสอดคล้องว่าตัวกำนันนกนั้นอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว

“ ในเรื่องของการโอนสำนวน เป็นคำสั่งของผบ. ตร. ฉะนั้นสื่อต้องไปถามเองว่า โอนเพราะอะไร เพราะเรามีหน้าที่เพียงสืบสวนขยายผล ช่วยงาน สืบสวนตำรวจ ภาค 7 ตอนนี้จากนิด้าโพล ต้องยอมรับว่า ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อตำรวจนั้นมีความลดลง เพราะในปีนี้ทั้งปี มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ตำรวจเป็นองค์กรหลักต้องอยู่เคียงข้างประชาชน เรื่องรักษาความปลอดภัยต้องแยกให้ได้ว่าคนไหนดีหรือไม่ดี คนไม่ดีก็ต้องเชือดทั้งหมด ใครดีก็ต้องส่งเสริม คดีนี้ ทุกคนตั้งใจไม่มีใครกลั่นแกล้งใคร ดังนั้น ใครที่กระทำผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ให้การเท็จ ก็ต้องดำเนินคดีไป ส่วนในการที่ช่วยเหลือคนเจ็บ จะให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่ช่วยเหลือคนเจ็บ วันนี้ จะเรียกความศรัทธาและเชื่อมั่นคืนให้กับประชาชน. ตำรวจทั้งประเทศต้องช่วยกัน ต้องยอมรับ ทำให้โปร่งใสการทำงานต้องแน่วแน่แก้ไขในสิ่งที่ผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป.กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินคดีเกี่ยวกับมาตรา 157 ผบ.ตร. ให้โอนสำนวนการสอบสวนไปที่กองปราบฯ การดำเนินการในส่วนที่เหลือจะสอบสวนต่อว่า ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งในกล้องวงจรปิดเห็นพฤติการณ์ของแต่ละคนชัดเจน กองปราบฯ จะนำไปพิจารณาต่อ ซึ่งตอนนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากถึง 34 คน ก็จะนำไปพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบอีกครั้ง ยอมรับว่าการดำเนินการในส่วนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องดูและให้ความเป็นธรรมกับทุกคน โดยบุคคลที่กระทำผิดในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานก็จะดำเนินการฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

สำหรับตอนนี้การสอบสวนแยกเป็น 2 คดี  คดีแรกคือคดีการเสียชีวิตของสารวัตรศิว มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง 7 คน เป็นพลเรือนทั้งหมด ดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น ส่วนกำนันนก ดำเนินคดีในข้อหาผู้ใช้ และยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 5 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐาน ซึ่งได้แจ้งข้อหาฐานช่วยเหลือผู้กระทำผิดไปแล้ว และอีกหนึ่งคดีคือมาตรา 157 ปฏิบัติหรือพลเว้นการปฏิบัติหน้าที่หน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งกองปราบฯ ได้ดูสำนวนการสอบสวนไปแล้ว มีผู้ต้องหา 6 คน คือตำรวจที่มีการออกหมายจับและฝากขังไปก่อนหน้านี้