วันที่ 19 ก.ย. 66 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. เป็นจำเลยฐาน “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” พร้อมเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

นายพร้อมพงศ์ เผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายพิชิต ให้มายื่นฟ้องนายสมชัย อดีต กกต. เรื่องที่ให้ข่าวแก่สื่อมวลชนทำให้เสียหาย เดิมนายสมชัยออกมาพูดก็เป็นการใช้สิทธิตรวจสอบตามปกติ แต่ตอนหลังช่วงที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะรัฐมนตรี นายสมชัยมีเจตนาไม่สุจริต ใส่ร้ายนายพิชิตทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้พูดเชื่อมโยงว่านายพิชิตเคยถูกดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาล และให้สินบน ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย คดีละเมิดอำนาจศาล เป็นเรื่องทางแพ่ง แต่ส่วนคดีสินบน นายพิชิตไม่เกี่ยวข้องเลย พนักงานสอบสวนและอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว

แต่นายสมชัยกลับนำข้อเท็จจริงที่ไม่เกี่ยวกันเหมือนมาตัดแปะ มากล่าวหาว่านายพิชิตไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี จะเห็นได้ว่าปี 54-56 นายพิชิตเคยเป็น สส.บัญชีรายชื่อมาแล้ว นายสมชัย เป็น กกต. เคยตรวจสอบนายพิชิตมาแล้ว ตนมองว่านายพิชิตเป็นมือกฎหมาย ของ 5 นายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ คงไม่ออกมาอยู่ในที่แจ้งให้คนตรวจสอบ แต่นายสมชัยเป็นการกล่าวหา ดูหมิ่น เกียรติยศของนายพิชิต เพื่อให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย อย่างนี้จึงต้องฟ้องเป็นคดีอาญาพร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท และฝากไปถึงนายสมชัยด้วยว่า งานนี้ไม่มีการรับกระเช้า ไม่รับคำขอโทษ จะรับเงินสดเท่านั้น หากชนะคดีจะไปบริจาคมูลนิธิเด็กที่มีปัญหาสมอง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่าขอให้สังคมได้เข้าใจว่านายพิชิต ไม่ได้ต้องการจะไม่รับฟังข้อวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องอดีตของตนเอง แต่การแสดงความเห็นใดๆ ต้องเคารพสิทธิและคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วย โดยการแสดงความคิดเห็นต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิของกันและกัน แต่กรณีนายสมชัย ถือเป็นการให้สัมภาษณ์บิดเบือนข้อเท็จจริงและมีเจตนากลั่นแกล้งใส่ความนายพิชิต ให้เกิดความเสียหาย นายพิชิตจึงต้องใช้สิทธิตามกฎหมายในการป้องกันสิทธิและศักดิ์ศรีของตนเอง