เมื่อวันที่ 23 ก.ย. พนักงานสอบสวน สน.บางเขน นำตัว น.ส.เจษฎา มีเพียร อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา กระทำความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันทำร้าย ร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพหรือส่วนของศพฯ และข้อหาอื่นๆ รวม5ข้อหา มาขออำนาจศาลฝากขัง

พฤติการณ์ระบุว่า  เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2566 เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน และ นายกัน จอมพลัง ได้ร่วมกันช่วยเหลือเด็กหญิง ที่ถูกบิดา ทำร้าย ต่อมา จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า นายส่องศักดิ์ ส่งแสง บิดา และ น.ส.สุนัน  ได้ร่วมกันทำร้าย ร่างกาย ด.ญ.ซี (นามสมมติ)ถึงแก่ความตาย และนำศพ ด.ญ. ซีไปฝังไว้ที่ อ.ขาณุลักษบุรี จ.กำแพงเพชร จึงได้ทำการจับกุมตัวทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน ต่อมาจากการสืบสวนขยายผล พบว่า นอกจาก น.ส.สุนัน  แล้ว นายส่องศักดิ์ ฯ ยังมีภรรยาอีกคน คือ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา มีบุตรด้วยกัน 5 คน ซึ่งนายส่องศักดิ์ รับว่า ได้ทำร้ายร่างกายบุตรของตนที่มี กับ น.ส.เจษฎาฯผู้ต้องหา

และจากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหาได้ กระทำความผิด ดังนี้ เมื่อประมาณ วันที่9 ต.ค.56 ซึ่งขณะนั้นนายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎาฯผู้ต้องหา ได้มาพัก อาศัยอยู่ที่ห้องภายใน แมนชั่นแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 69 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน นายส่องศักดิ์ ได้ใช้มือทุบตีที่ท้อง ด.ช.ศักดา (นามสมมุติ) ลูกชาย  จำนวน 2-3 ครั้ง ด้วยความแรง ทำให้ชัก และเสียชีวิต ต่อมา ได้ร่วมกับ นางเจษฎา  ผู้ต้องหานำศพไปทิ้งที่ สวนจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยการใส่ถุงดำ

เมื่อประมาณวันที่ 11 พ.ย.57 นายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎาผู้ต้องหา พักอาศัยอยู่ที่ห้องภายใน แมนชั่น ซอยพหลโยธิน 71 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นายส่องศักดิ์ ได้ใช้มือทุบตี ด.ช.ธีรภาพ (นามสมมุติ) บุตรชาย ที่ลำตัวและท้อง ก่อนนำไปขังไว้ในตู้วางทีวี จนเด็กเสียชีวิต ต่อมา ได้ร่วมกับ ผู้ต้องหานำศพไปทิ้งที่ สวนจตุจักร โดยการใส่ถุงดำ

เมื่อประมาณเดือนเม.ย.-พ.ค. 59 นายส่องศักดิ์และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหาพักอาศัยในซ.พหลโยธิน 50แยก 11 แขวงคลองถนน  เขตสายไหม ได้ทำให้ ด.ช.ธนาทรัพย์  มีบาดแผลที่คอ มีน้ำหนองไหล แต่ นายส่องศักดิ์   และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหาที่ไม่นำเด็กส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล จนทำให้เด็กเสียชีวิต จึงได้ร่วมกับ นางเจษฎา นำศพไปทิ้งที่บริเวณพื้นที่รกร้าง ริมถนนพหลโยธิน กม.25 แขวงคลองถนน ข.สายไหม โดยการใส่ ถุงดำ

 เมื่อประมาณเดือน ก.พ. 61  ซึ่งขณะนั้นนายส่องศักดิ์และ น.ส.เจษฎาผู้ต้องหา ได้มา พักอาศัยอยู่ที่ห้องภายใน ตึกแห่งหนึ่ง ซ.พหลโยธิน 50 แยก 11 ข.สายไหม นายส่องศักดิ์  ได้บอกให้ น.ส.เจษฎา เอาผ้ายัดปาก ด.ช.นัฐพงศ์ (นามสมมุติ) บุตรชายจนเด็กขาดอากาศหายใจ มีอาการชัก จากนั้น ได้นำไปขังไว้ในตู้ชั้นวางโทรทัศน์ จนเด็กเจ็บป่วยและเสียชีวิต จึงได้ร่วมกับน.ส.เจษฎา นำศพไปทิ้งที่บริเวณพื้นที่ รกร้าง ริมถนนพหลโยธิน กม.25 โดยการใส่ถุงดำ

เมื่อประมาณเดือน ก.ย.66 ซึ่งขณะนั้นนายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา ได้มาพัก อาศัยอยู่ที่ห้องภายใน อพาร์ทเมนท์ ซอยพหลโยธิน 48 แยก 11 แขวงอนุสาวรีย์ ข.บางเขน นายส่องศักดิ์  และน.ส.เจษฎา  ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ด.ญ.วิญาดา โดยการตีด้วยไม้แขวนเสื้อ ใช้เทียนไฟลน มีดร้อนจี้ ถูกเตะที่ท้อง ถูกจับถ่วงน้ำ มีแผลเป็นที่หน้าผาก บาดแผลใช้เวลารักษาประมาณ 5 เดือน นายส่องศักดิ์ให้การว่า เกิดมาจากทนเสียงเด็กร้องไม่ได้ เมื่อได้ยินจะเกิดความโมโห และไม่ชอบเด็กผู้ชาย ประกอบกับ คำให้การของ ด.ญ.ลูกที่รอดชีวิตเพียง 1 คน ให้การว่า ในขณะที่ตนถูกนายส่องศักดิ์ บิดา ทำร้ายร่างกายตนและน้อง ๆ นั้น น.ส.เจษฎา ร่วมกระทำความผิดด้วย แต่อ้างว่าถูกบังคับให้ทำ ถ้าไม่ทำจะถูกทำร้าย แต่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร จึงทนไม่ไหวต้องหลบหนีออกมาร้องขอให้เพื่อนบ้านช่วยเหลือ ได้สอบสวน 1 แพทย์ประจํา รพ.รามาธิบดี ให้การว่า ด.ญ.วิญาดา ได้รับบาดเจ็บ แผลเป็นบริเวณหน้าผาก ริมฝีปาก คาง ขาทั้งสองข้าง เท้าทั้งสองข้าง มือทั้งสองข้าง ต้นแขน แขนท่อนล่างทั้งสองข้าง หน้าท้อง หน้าอก ด้านหลัง ลักษณะเป็นรอยแผลเป็นจากความร้อน ของมีคม ของไม่มีคม รอยแผลต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลา นานประมาณ 6 เดือน เพราะใบหน้าเสียโฉมติดตัว

และตรวจพบศพ ด.ช.ศักดิ์ดา และ ด.ช.ธีรภาพที่ถูกนำไปทิ้งไว้ในท้องที่เขตจตุจักร ส่วน ด.ช.ธนาทรัพย์ และ ด.ช.นัฐพงศ์ ที่ถูกนำไปทิ้งในเขตพื้นที่ สน.สายไหม พบเพียงเศษกระดูกท่อนแขน มนุษย์ จำนวน 4 ชิ้น

จากคำให้การ และ พยานเอกสารต่างๆ เชื่อว่า น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหา ได้กระทำความผิดจริง พนักงานสอบสวนจึงยื่นคำร้องขอออกหมายจับ และมีการจับกุมในที่สุด

การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184,199,290,297,83 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือ ทำร้ายศพ เหลือปิดบัง การเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย ,ผู้ใดเพื่อจะช่วยให้ผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษ น้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐาน ในการกระทำความผิด ,ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้เกิดผลในทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดี

ขอส่งน้องขึ้นสวรรค์! ‘กัน จอมพลัง’ ทำพิธีเชิญ5ดวงวิญญาณเหยื่อพ่อแม่โหด

ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

เนื่องจากยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นต้องสอบพยานเพิ่มอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจอื่นๆ จึงขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.-4 ต.ค. 66

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านหากผู้ต้องขอปล่อยชั่วคราว คดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การ ติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง และผู้เสียหายได้คัดค้านการขอปล่อยชั่วคราวด้วยเพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะทำลายหลักฐานในคดี

ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขัง

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่ปรากฎว่าผู้ต้องหา หรือญาติของผู้ต้องมายื่นขอประกันตัว เมื่อหมดเวลาทำการศาล เจ้าหน้าที่ได้นำตัวน.ส.เจษฎา ไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง