จากกรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่า 1 ล้านบาท หายไปจากเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อต้นเดือน ส.ค.66 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องด้วยการพบเหตุตัดไม้พะยูงขายในโรงเรียนและที่ราชพัสดุจำหน่ายหลายแห่ง โดยทุกแห่งเป็นการตัดไม้พะยูงโดยใช้ช่องว่างทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังส่อเอื้อประโยชน์ให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐบางคน ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบข้อเท็จจริง และคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึก กรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียน กำลังดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนอย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันที่มีชาวบ้านผู้รักและหวงแหนไม้พะยูง ส่งข้อมูลการลักลอบตัดและขออนุญาตตัดไม้พะยูงในโรงเรียนมาที่ฝ่ายความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เขต 4 ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เขต 4 ขอนแก่น เข้าพบ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ และนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นการพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลปัญหาการตัดไม้พะยูงโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ว่า หลังจากที่นายจิรวัฒน์ สุภาพ ผู้อำนวยการ ป.ป.ท.เขต 4 ขอนแก่น พร้อมคณะ และนายนพรัตน์ ปานเทศ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 4 ขอนแก่น หรือ ดีเอสไอ พร้อมคณะ ลงพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ เพื่อร่วมกับทางจังหวัดและ ป.ป.ช.ประจำจ.กาฬสินธุ์ สางคดีปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูง การขออนุญาตตัดไม้พะยูงในโรงเรียน และการให้อนุญาตตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุเพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐานลงโทษข้าราชการ บุคคล ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ

จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.และดีเอสไอดังกล่าว ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้านเครือข่ายรักษ์ไม้พะยูงและทรัพยากรธรรมชาติใน จ.กาฬสินธุ์และใกล้เคียงเป็นอย่างมากว่าฝ่ายปกครอง จ.กาฬสินธุ์ โดยนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ และนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบเชิงลึก และฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีตัดไม้พะยูงโรงเรียน และองค์กรอิสระเอาจริงและเต็มที่กับการสะสางปัญหานี้ จึงได้แจ้งเบาะแสและหลักฐานเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและง่ายต่อการตรวจสอบ ติดตาม ขององค์กรอิสระด้วย ซึ่งล่าสุดเป็นเอกสารพร้อมภาพถ่ายระบุที่มาที่ไป คนซื้อคนขายชัดเจน โดยเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ส่งมาถึงเจ้าหน้าที่ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

โดยข้อความที่ได้รับแจ้งพร้อมภาพถ่ายที่เป็นเอกสาร สัญญาซื้อขาย ใบแจ้งความ ระบุว่า “เมื่อราวเมษา 66 มีการนำไม้พะยูงมากองไว้ในพื้นที่ ผมแจ้งตำรวจพื้นที่เข้าตรวจสอบเขาอ้างหลักฐานข้างต้น ว่าโรงเรียนในกาฬสินธุ์ขายให้ ผมมีข้อสงสัยเรื่องการทำไม้ เลยส่งเรื่องนี้ ให้ ทสจ. เข้าตรวจสอบ แต่ก็แจ้งว่าไม้หายไปแล้ว ไม่มีอะไรเลย คงเป็นขบวนการจริงๆ ครับ”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีตัดไม้พะยูงโรงเรียนกล่าวว่า หลักฐานดังกล่าวถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดที่จะเชื่อมโยงหรือต่อจิ๊กซอว์ไปถึงขบวนการเส้นทางในแวดวงการซื้อขายไม้พะยูงหรือไม้ทุกประเภทได้เป็นอย่างดี โดยสามารถจับไทม์ไลน์ได้ชัดเจนว่า ไม้พะยูงที่นำออกจากพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์นั้น มีปลายทางที่ไหน ยังไง ซึ่งแน่นอนที่สุดปลายทางคือนายทุนจีน

นายนิยม กล่าวอีกว่า เส้นทางการขนย้ายไม้พะยูงนั้น เท่าที่ทราบมี 2 ประเด็น ประเด็นแรกในส่วนที่อ้างว่าซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย โดยพฤติการณ์ลักษณะเหมือนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือมีหนังสือเอกสารประกอบครบถ้วนว่ามีการซื้อขายถูกต้อง จากนั้นพ่อค้าคนกลาง หรือต้นน้ำ กลางน้ำ จะนำไม้พะยูงไปพักไว้ เพื่อรวบรวมและแปรรูปเป็นไม้เหลี่ยม ส่วนอีกประเด็นคือหากเป็นไม้ที่ได้จากการลักลอบตัด ส่วนใหญ่จะส่งข้ามแม่น้ำโขงตามช่องทางธรรมชาติ แถบ จ.นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลฯ โดยมีพ่อค้าชาวจีนรับซื้อ

นายนิยม กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม้พะยูงที่อ้างว่าซื้อถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าว จะทำการแปรรูปเป็นไม้เหลี่ยม หรือเปิดปีกไม้ออก เป็นการอัพราคาจากไม้ท่อนทั่วไปถึง 3-5 เท่า เช่น ไม้ท่อนราคาลูกบาศก์เมตรละ 25,000 บาท พอแปรรูปแล้วราคาจะสูงถึง 125,000 บาททีเดียว อย่างไรก็ตาม ในส่วนเส้นทางลำเลียงหรือขนย้ายไม้นั้น ที่ผ่านมาไม่เคยได้ข่าวว่ามีการตรวจจับหรือตรวจยึดบนถนนหลวง ทั้งนี้ เนื่องจากมีการใช้ช่องว่างทางกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นเป็นใจ และมีส่วนได้ส่วนเสีย สำหรับหลักฐานที่ได้ล่าสุดวันนี้ ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญอีกดอกหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายปกครอง องค์กรอิสระ ทั้ง ป.ป.ช.-ป.ป.ท.และดีเอสไอ ที่กำลังดำเนินการตรวจสอบเพื่อเอาผิดกับข้าราชการที่ใช้ช่องวางทางกฎหมายแสวงหาผลประโยชน์มิชอบ รวมทั้งยังจะเป็นการกำจัดขบวนการมอดไม้ในขณะเดียวกันอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับหลักฐานล่าสุดที่เครือข่ายคนรักษ์ไม้พะยูงส่งมาถึงเจ้าหน้าที่ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ดังกล่าว ระบุทั้งภาพถ่ายก่อนไม้พะยูงจะถูกตัดขาย ที่เชื่อได้ว่าเป็นไม้พะยูงจำนวน 9 ต้น จากโรงเรียนหนองโนวิทยาคม ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เอกสารที่พบประกอบด้วยสัญญาซื้อขาย ราคา รายชื่อบุคคลเกี่ยวข้อง และปลายทางชัดเจน ทั้งนี้จากการตรวจสอบปลายทางเบื้องต้น ซึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด นับเป็นแหล่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ที่รวบรวมไม้พะยูงท่อน และแปรรูปไม้พะยูงก่อนส่งขายนายทุนจีน