จากกรณีกลุ่มติดอาวุธฮามาสก่อเหตุโจมตีในประเทศอิสราเอล ส่งผลให้แรงงานไทยได้รับผลกระทบและถูกจับเป็นตัวประกันนับสิบราย บางรายถูกยิงบาดเจ็บและยังไม่ทราบชะตากรรมอีกเป็นจำนวนมาก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ประชุมเร่งด่วนในการให้การช่วยเหลือแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอล ต่อมากระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานว่ามีแรงงานไทยเสียชีวิตแล้ว 12 คน ได้รับบาดเจ็บ 8 คน และถูกจับเป็นตัวประกันอีก 11 คน โดยมีแรงงานกาฬสินธุ์ที่ไปทำงานที่อิสราเอลเสียชีวิต 1 ราย ชื่อนายสมควร พันธ์สะอาด ภูมิลำเนาเป็นชาว จ.กาฬสินธุ์ เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา เบื้องต้นมอบหมายให้ส่วนราชการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ไปเยี่ยมญาติของแรงงานเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและสร้างช่องทางติดต่อเพื่อความสะดวกในการช่วยเหลือ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 3 บ้านหนองแวงใต้ ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นางพนิดา เสถียรจิตร แรงงานจังหวัดกาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายเสมือน ศรีพอ ผู้ช่วยแรงงานจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นางวาสนา รัตนเวชสิทธิ ประกันสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ นายศุภชัย แวงคำ นักวิชาการแรงงานชำนาญการจังหวัดกาฬสินธุ์ และส่วนราชการ สังกัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เยี่ยม ให้กำลังใจครอบครัวนายกระบวน พันธ์สะอาด และนางหนูพา พันธ์สะอาด ซึ่งเป็นบิดาและมารดา นายสมควร พันธ์สะอาด แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการถูกยิงในประเทศอิสราเอล โดยมีนางสุลาวรรณ ภูหวล ปลัดอาวุโส อ.เมืองกาฬสินธุ์ ผู้นำชุมชน และญาติผู้เสียชีวิต ร่วมให้ข้อมูล ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว และเพื่อนบ้านที่มาให้กำลังใจและติดตามข่าวสาร

นางหนูพา เปิดเผยว่า ลูกชายอดีตเคยเป็นทหารเกณฑ์กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ เมื่อประมาณ 18 ปีที่ผ่านมา หลังจากปลดประจำการ ไปทำงานขับรถรับจ้างที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะไปมีครอบครัวที่ จ.นครพนม กระทั่งเดินทางไปทำงานเกษตร โดยเป็นคนงานในสวนกล้วยที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งไปถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านกรมแรงงาน เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 65 ทั้งนี้ ทราบว่ากู้เงินค่าเดินทางไปประมาณ 120,000 บาท สัญญา 5 ปี ได้เงินเดือน เดือนละ 80,000 บาท ส่งมาให้ครอบครัวที่ จ.นครพนม เดือนละ 58,000 บาท จึงเป็นเรี่ยวแรงหลักในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวและชำระงวดรถ

นางหนูพา เปิดเผยต่อว่า ก่อนที่จะได้ยินข่าวร้าย ลูกชายมักจะโทรศัพท์มาหาพ่อกับแม่บ่อยครั้งมาก ว่าสถานการณ์ที่ประเทศอิสราเอลไม่ค่อยปกติ ซึ่งตนก็ได้บอกลูกชายว่าให้เดินทางกลับบ้าน กลัวลูกชายจะได้รับอันตราย ตนไม่อยากได้เงินหรอก อยากได้ลูกชายกลับคืนมามากกว่า แต่ลูกก็บอกว่าช่วงนี้เป็นไข้ ไม่สบาย หากหายจากอาการไข้แล้ว จะปรึกษานายจ้างอีกทีว่าจะขอเดินทางกลับไทย แต่แล้วเมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 04.00 น. ลูกสาวซึ่งเป็นพี่สาวนายสมควร ได้โทรศัพท์มาหาตนบอกว่าให้ทำใจดีๆ เพราะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่ประเทศอิสราเอล

“ทั้งนี้ทราบข่าวทางโซเชียล และเห็นภาพผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตหนึ่งในนั้นลักษณะเหมือนลูกชายตน ซึ่งจำเสื้อและกางเกงที่สวมใส่ได้ อย่างไรก็ตามหลังทราบข่าว ตนตกใจแทบช็อก ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ขอบคุณที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและหลายภาคส่วนลงพื้นที่มาเยี่ยมเยือนและให้กำลังใจ เพื่อหาแนวทางนำศพลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด” นางหนูพา กล่าว

ด้านนายศุภชัย กล่าวว่า สำหรับความชัดเจน แรงงานไทยชาวกาฬสินธุ์เสียชีวิตจริงหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดกับกงสุลไทยประจำประเทศอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แรงงานไทยชาวกาฬสินธุ์ ที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลนั้น ซึ่งไปถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดจำนวน 230 คน อยู่โซนใต้ของประเทศที่มีเหตุการณ์ไม่สงบจำนวน 121 คน ส่วนใหญ่ทำงานด้านการเกษตร

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการติดตามและให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลนั้น ทั้งในส่วนการช่วยเหลือขอเดินทางกลับ หรืออื่นๆ นั้น จะได้ดำเนินการอย่างเร่งรัดและรวดเร็ว ในส่วนผู้ที่เสียชีวิต ก็ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ สำหรับแรงงานไทยที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บที่เดินทางไปถูกต้องตามกฎหมาย หากเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ จะมีกองทุนเพื่อให้การช่วยเหลือแรงงานไทยรองรับอยู่แล้ว.