เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านของแรงงานอิสราเอล ที่บ้านเลขที่ 409/481 ชุมชมเอื้ออาทร จอมเสด็จ ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย ได้พบกับนายสถิตย์ พรมอุนารถ อายุ 37 ปี และนางเสวียง ปารินทร์ อายุ 69 ปี สองแม่ลูก โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข และผู้นำชุมชนในพื้นที่รับผิดชอบได้มาเยี่ยมและให้กำลังใจกับครอบครัวของนายสถิตย์ด้วย

นายสถิตย์ เล่าว่า ตนกู้ยืมเงิน 200,000 บาท ไปทำงานภาคการเกษตรที่ประเทศอิสราเอล สัญญาจ้าง 5 ปี ทำงานได้ 1 ปี 10 เดือน ก็มาเกิดเหตุการณ์สู้รับกันขึ้น โดยจุดที่ตนและเพื่อนคนงานไทย รวม 19 คน พักอาศัย เป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากจุดสู้รบกันเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ในวันเกิดเหตุวันแรก พวกตนเพิ่งเลิกงาน กำลังกินข้าวก็ได้ยินเสียงระเบิด เสียงยิงปืนดังสนั่นหวั่นไหว และได้ยินเสียงทหารคุ้มครองแจ้งเตือนให้หาที่หลบในบังเกอร์ที่ปลอดภัย ช่วงเวลานั้น ตนและเพื่อนคนงานต่างหวาดกลัว และเมื่อไปทำงานก็ยังต้องคอยแหงนมองท้องฟ้า หวาดผวาว่าจะมีการยิงโจมตีกันอีกหรือไม่ ไม่เป็นอันทำงาน หวาดวิตกไปหมด

แต่ก็ยังพยายามติดต่อกับครอบครัว แจ้งข่าวให้แม่ทราบว่าตนปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วง จนตัดสินใจว่าไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่ต่างประเทศ เลยไปที่สถานทูต ขอเดินทางกลับประเทศไทย จนได้เดินทางกลับกับเพื่อนคนงานในรอบแรก เดินทางถึงจังหวัดหนองคายเมื่อตีสองที่ผ่านมา ส่วนจะเดินทางกลับไปทำงานอีกหรือไม่นั้น นายจ้างก็ได้บอกว่า หากเหตุการณ์สงบแล้วยินดีให้กลับมาทำงานอีก แต่เมื่อถึงเวลานั้นต้องพิจารณาอีกที เงินที่กู้ยืมมาทำเรื่องไปทำงานก็ใช้หนี้หมดแล้ว และกำลังจะเริ่มเก็บเงินให้ครอบครัว ก็มาเกิดสงครามก่อน

ด้านนางเสวียง บอกว่า วันที่รู้ข่าวว่ามีการสู้รบในพื้นที่ใกล้กับที่ลูกชายอยู่ก็ตกใจ เกรงว่าลูกจะไม่ปลอดภัย ช่วงที่ขาดการติดต่อเพราะสัญญาณทางอิสราเอลถูกตัด ก็กระวนกระวายมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนได้รับการติดต่อจากลูกชายอีกครั้งว่าปลอดภัยดี แม่ก็โล่งอก แต่ก็ยังเป็นห่วง ยังไม่ทันได้ขอให้กลับบ้าน ลูกก็บอกว่าจะกลับมาเอง ดีใจที่ลูกชายปลอดภัย หลังจากนี้ก็อาจจะผูกข้อต่อแขนตามประเพณีอีสานเป็นการรับขวัญ เพราะลูกขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนลูกจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกหรือไม่นั้น แล้วแต่การตัดสินใจของลูก ดีใจที่ได้ลูกกลับมาอยู่ในอ้อมกอดแม่อีกครั้ง.