เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. แถลงผลปฏิบัติการ “CIB Anti Online Scam” ปราบเครือข่ายหลอกกู้เงินออนไลน์ เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 23 จุด ในพื้นที่ 10 จังหวัด จับกุม น.ส.ยุวธิดา อายุ 37 ปี นายวีรยุทธ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาระดับสั่งการ กับ 11 บัญชีม้า พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ รวม 52 รายการ

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เนื่องจากสืบทราบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีพฤติกรรมลักลอบปล่อยสินเชื่อหรือเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ต่างๆ ที่จัดทำขึ้นมา ซึ่งผู้ที่สนใจจะกู้เงินจะต้องลงทะเบียนเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน ยอมให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์มือถือ ทั้งรายชื่อเบอร์โทรศัพท์, รูปภาพ, กล้อง, ตำแหน่งที่ตั้ง (GPS) และไมโครโฟน รวมถึงต้องกรอกข้อมูลชื่อสกุล, ที่อยู่, ที่มารายได้, ชื่อผู้ติดต่อ, เลขที่บัญชีเงินฝาก, ภาพบัตรประชาชนคู่กับใบหน้า รวมถึงเบอร์โทรศัพท์เพื่อรอรับรหัสยืนยัน (OTP) ให้กับผู้ต้องหากลุ่มนี้ จึงจะสามารถทำเรื่องยื่นขอเงินกู้ได้

พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. กล่าวว่า เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการลงทะเบียนยื่นเรื่องกู้เงินแล้ว ลูกหนี้จะได้รับเงินเพียงร้อยละ 55 ของยอดเงินกู้ทั้งหมด แต่จะต้องคืนเงินเต็มจำนวนของยอดกู้ภายในระยะเวลา 6 วัน หากคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยแล้ว คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อวันหรือ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 225 ต่อเดือน หรืออัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2,737.5 ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีบางรายมียอดเงินที่ตนเองไม่กู้ ถูกโอนเข้ามาในบัญชีแล้วถูกบังคับให้ต้องชำระยอดเงินกู้ พร้อมดอกเบี้ยในส่วนนี้เพิ่มอีกด้วย

พล.ต.ต.อธิป กล่าวต่ออีกว่า หากลูกหนี้รายใด ไม่สามารถชำระเงินกู้ที่กู้ยืมไว้ได้ จะถูกโทรศัพท์ข่มขู่ ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย หรือมีโทรศัพท์ติดต่อไปยังพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน พร้อมส่งข้อความทาง SMS แนบรูปภาพตัดต่อใบหน้าของผู้เสียหายไปให้ เพื่อทำให้เข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นผู้จำหน่ายเสพติด หรือค้าประเวณี สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้เสียหายเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อหลายราย ก่อนมีการรวมกลุ่มเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับทาง กก.3 บก.ปอท. จนมีการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง

จากการสืบสวนพบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ อีกทั้งยังพบว่า ระบบของแอปเหล่านี้ จะมีการโฆษณาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงมีการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีการกำหนดการผ่อนชำระเงินกู้ในลักษณะที่เป็นการบิดเบือนและอำพรางเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ แต่ความจริงแล้วจะเป็นการคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีบัญชีธนาคารที่ถูกใช้ในการโอนเงินกู้ให้ผู้เสียหาย 6 บัญชี และมีบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนเงินคืนจากผู้เสียหาย 6 บัญชี ซึ่งเงินในบัญชีเหล่านี้จะถูกโอนต่อไปยังบัญชีอื่นๆ อีกกว่า 100 บัญชี

หลังจากนั้นจะมีการถ่ายโอนเงินไปให้ผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่ 2 ราย คือ น.ส.ยุวธิดา กับ นายวีรยุทธ โดยเงินจะถูกหมุนเวียนในบัญชีธนาคารต่างๆ ภายใต้ชื่อเดียวกันกว่า 30 บัญชี และจะมีการโอนเงินไปยังบัญชีต่างๆ ของธนาคารในประเทศไทยกว่า 50 บัญชี โดยใช้ชื่อบัญชีเป็นชาวรัสเซีย, เมียนมา, จีน และไทย เป็นต้น ซึ่งขบวนการนี้ มีเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 13 ราย

สำหรับ น.ส.ยุวธิดา กับ นายวีรยุทธ มีหมายจับศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวงโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล, เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ, ร่วมกันข่มขู่ทวงถามหนี้ฯ และความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ส่วนที่เหลืออีก 11 ราย เป็นผู้ต้องหาในกลุ่มบัญชีม้า ที่จับกุมตัวได้ในกรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี ปทุมธานี นครราชสีมา ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ชุมพร และตรัง จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เบื้องต้นจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป