เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย กองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยถึงการช่วยเหลือคนไทยจากเมืองหนานเติ้ง ประเทศเมียนมา กลับสู่ประเทศไทย จากสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศเมียนมาในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐฉาน บริเวณเมืองเล่าก์ก่ายและเมืองหนานเติ้ง ส่งผลให้คนไทยที่เดินทางไปทำงานในพื้นที่ได้รับผลกระทบ และเกิดความไม่ปลอดภัยจากสถานการณ์ดังกล่าว ประมาณ 287 คน แบ่งเป็นพื้นที่เมืองเล่าก์ก่าย ประมาณ 246 คน และพื้นที่เมืองหนานเติ้ง

จำนวน 41 คน ทั้งนี้ การปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทย ได้ดำเนินการเป็นขั้นตอนตามลำดับ โดยมีหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตากกองกำลังผาเมืองและคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) เป็นหน่วยปฏิบัติหลัก สำหรับการเคลื่อนย้ายคนไทยจากพื้นที่เมืองหนานเติ้งซึ่งอยู่ในพื้นที่สู้รบ จำนวน 41 คน ได้ประสานให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เคลื่อนย้ายคนไทยออกจากเมืองหนานเติ้ง และต่อมาได้ส่งต่อให้กับกำลังทหารเมียนมา (ภาคทหารบกสามเหลี่ยม) ในพื้นที่ จ.เชียงตุง รัฐฉาน ซึ่งได้เคลื่อนย้ายคนไทยทั้งหมดจาก จ.เชียงตุง มาส่งต่อให้กับกองทัพบก (กองทัพภาคที่ 3) ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผ่านช่องทางจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำแม่สายแห่งที่ 2 ทั้งนี้ กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้ดำเนินการรับคนไทย จำนวน 41 คน ณ จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตลอดจนได้ประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง

โดยมีด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย รับผิดชอบในการดำเนินกรรมวิธีตรวจคนเข้ามือง โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช รับผิดชอบการดูแลเรื่องสุขภาพและการรักษาพยาบาล มณฑลทหารบกที่ 37 รับผิดชอบในเรื่องที่พักคอยและอาหาร และจะได้ส่งต่อให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.เชียงราย เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ กองทัพบกคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไทยเป็นหลัก

สำหรับแผนการปฏิบัติต่อไป กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และทุกภาคส่วน จะบูรณาการประสานการปฏิบัติโดยใกล้ชิดอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ รวมทั้งติดตามและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ เพื่อวางแผนความเป็นไปได้ในการเคลื่อนย้ายคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่เมืองเล่าก์ก่าย ประมาณ 246 คน ให้ได้กลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ และขอขอบคุณกำลังทหารเมียนมา (ภาคทหารบกสามเหลี่ยมและกองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการนำคนไทยในพื้นที่เมืองหนานเติ้ง ทั้ง 41 คน กลับเข้าสู่ประเทศไทยได้สำเร็จ ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเรื่องการส่งกลับคนไทยที่เหลืออยู่ ประมาณ 246 คน ทางกองทัพบกจะได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป.