เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 พ.ย. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และสโมสรโรตารี จัดสัมมนาเรื่อง “การแก้ปัญหาความยากจน : วิถีสู่ความสำเร็จและความเป็นอยู่ที่ดี”

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “วาระแห่งชาติ นโยบายแก้จนของประเทศไทย” ตอนหนึ่งระบุว่า ส่วนตัวคิดถึงกระทรวงสาธารณสุข ที่จะมีแนวทางการทำงาน ว่าจะต้องทำอะไร แต่พอมาถึงกระทรวงมหาดไทย มีห้องไลน์ (LINE) เยอะมากที่ต้องติดตาม เรื่องไฟไหม้  น้ำท่วม ขโมย ซึ่งทำให้เห็นว่ากระทรวงมหาดไทย ถ้าจะช่วยเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เป้าหมายการแก้ปัญหาต่างๆ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ประสบความสำเร็จ กระทรวงมหาดไทยต้องมีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก ตัวรัฐมนตรีเองก็ต้องยอมผลักดันทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายและสนับสนุนงาน จัดสรรงบประมาณ เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ

นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายแก้จนว่า เป็นวาระแห่งชาติ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เพราะยังไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนไม่พูดเรื่องนี้ จะทำอย่างไรให้เป้าหมายนี้ เป็นวาระแห่งชาติที่แก้ไขไปได้ อย่าให้เป็นวาระถาวรอยู่คู่ประเทศไทย อยากขจัดความยากจนออกจากประเทศไทยไม่ได้ จนถึงตั้งใจว่าเมื่อมีโอกาสเข้ามาทำงานที่กระทรวงมหาดไทย ก็อยากจะทำทุกอย่าง เพื่อกำจัดความยากจน ที่ถือเป็นภารกิจพันธกิจแรก ที่ตั้งใจทำที่กระทรวงมหาดไทยประกอบกับเทรนของโลก ดังนั้นปัญหาความยากจนเป็นพันธกิจ หากตั้งใจแก้ปัญหา อย่างน้อยชาวบ้านพี่น้องประชาชน ก็น่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า บางครั้งก็ท้อที่จะต้องไปพูดว่าต้องแก้ปัญหาความยากจนให้ได้ โดยที่เรายังไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ต้องพูดกันไปกันมาโยนกันไปมา แต่การกระทำดีขึ้นแค่ไหน ก็อยู่ที่การวางแผนการทำงาน ซึ่งปัจจัย 4 ที่เราใช้อยู่ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และปัจจัย 5 คือ มือถือ แต่แท้จริงแล้วปัจจัยที่ 5 คือการศึกษา โดยการแก้ปัญหาความยากจนในเบื้องต้นต้องเติมเต็มปัจจัย 4 ให้ประชาชน เพื่อให้พื้นฐานได้รับการดูแล โดยปัจจัยที่ 5 เรื่องการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องสนับสนุนเพื่อให้วิเคราะห์คิดและประเมินเป็น เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของผู้คนในยุคนี้ ที่สังคมเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทั้งวัฒนธรรมประเพณี นอกจากนี้ ช่วงชีวิตของคนยาวนานมากขึ้น อายุยืนขึ้น ตายช้าลง ที่เรากำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย หากเราไม่ทำให้มีคุณภาพที่ดี จะทำให้เป็นภาระ และทำให้ประสิทธิภาพโอกาสต่างๆ การทำงานต่างๆ ถูกฉุดลง ซึ่งไม่ใช่ปัจจัยที่ดีแก่เยาวชน และการดำรงชีวิตต่อในภายภาคหน้า

“กระทรวงมหาดไทยในยุคที่ผมรับผิดชอบ ให้คำยืนยันได้ว่าพร้อมให้การสนับสนุนทั้งนโยบายและอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ เพื่อทำให้ความมุ่งหวังของทุกคน เข้าสู่เป้าหมายให้มากที่สุดพร้อมยืนยันจะทำให้สำเร็จ” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตามสถิติอาชีพเกษตรกรรมเป็นผู้มีรายได้น้อยที่สุด ดังนั้นการแก้ไขปัญหาของกระทรวงมหาดไทยจะคำนึงถึงการที่มีที่ดินทำกินและการสร้างแหล่งน้ำ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต จะใช้นวัตกรรมเพื่อมาบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเชื่อว่าจะแก้ปัญหาความยากจนได้ ทั้งนี้ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ ได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ถึงแนวทางการทำงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน เชื่อว่าจะใช้เวลาเท่าอายุรัฐบาลทำงานร่วมกัน และยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง 3 กระทรวงมีภารกิจเดียวกัน ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องมีการแลกเปลี่ยน โดยใช้ความสัมพันธ์พูดคุยเพื่อเป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง

“ไม่ได้ต้องการให้ทุกคนรวย เพราะความรวยของคนต่างกันมีหลายระดับ ซึ่งนโยบายแก้จนเป็นวาระแห่งชาติ ต้องสนับสนุนนโยบายขั้นพื้นฐานของประชาชน เปิดโอกาสให้ยกระดับชีวิตด้วยการศึกษาและสร้างโอกาสด้วยการสร้างรายได้ด้วยนวัตกรรมความคิดและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทในประเทศไทย ซึ่งถ้าจิ๊กซอว์เหล่านี้ถูกต่อให้ครบ ก็น่าจะประสบความสำเร็จในการลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ปัญหาความยากจน พร้อมกับสร้างความเจริญเติบโตให้เกิดขึ้นต่อไป” นายอนุทิน กล่าว.