เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ร.ต.อ.วิเชียร หอมสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าพระ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนรถพลิกคว่ำ บริเวณอุโมงค์ท่าพระ มุ่งหน้าจากถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ ผกก.สน.ท่าพระ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุอยู่ฝั่งมุ่งหน้าถนนรัชดาท่าพระ บริเวณเชิงลาดทางลงอุโมงค์ข้ามแยกใต้แยกท่าพระ พบรถเก๋ง ฮอนด้า รุ่น แจ๊ซ สีขาว สภาพพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า ทราบชื่อผู้ขับขี่ต่อมา คือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี พนักงานคุมประพฤติชำนาญการ อยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก นั่งอยู่ใกล้เคียงกับรถยนต์ของตน ใกล้กันยังพบกับรถยนต์คู่กรณี ยี่ห้อมาสด้า รุ่น Cx3 สีแดง ซึ่งมีนายกร เป็นเจ้าของรถจอดอยู่

จากการสอบถามนายกร อายุ 49 ปี คนขับรถมาสด้าคู่กรณี กล่าวว่า ตนเองจอดรถซื้อของอยู่ข้างทาง จู่ๆ คู่กรณีมาจอดและพุ่งมาชนท้ายรถของตน พอตนจะเดินไปพูดคุยเคาะประตู 3-4 รอบ ก็ไม่ยอมออกมาคุย ตนนึกในใจว่าเขาเมาหรือเป็นอะไรหรือเปล่า พอเขาออกมาแล้วเขาบอกว่าเขามีปืน ตนก็เลยถอยออกมา เพื่อมาขยับรถเดินหน้า และลงมาดูว่ารถของตนเป็นอะไรหรือเปล่า แต่พอดูแล้ว ว่าไม่เป็นอะไร ก็เลยรีบออกมา เพื่อจะไปทำงาน และจะรีบไปส่งแฟน แต่คู่กรณีก็ยังขับรถเปิดไฟเลี้ยวตามมา พอตนหลบเข้าซ้าย เขาก็หักรถมาชนเลย เหมือนกับเขาตั้งใจที่จะชน ตนก็งง และตนยืนยันว่าก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขา แล้วตนก็มาจอดอยู่ตั้งนานแล้ว เพื่อซื้อกับข้าว และก็รู้อยู่ว่า รถของคู่กรณีมาจอดชนท้ายรถของตน และตนก็ยืนยันว่า ไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งนั้น ก็เลยคาดว่าคู่กรณีเมาหรือเปล่า และหลังจากคู่กรณีชนท้ายรถของตนแล้ว ก็ไม่ลงมาคุยอะไรกันเลย นอกจากจะขับรถตามมาจี้ท้ายรถของตนอย่างเดียว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายเอ ไปสอบสวนเพิ่มเติม ที่ สน.ท่าพระ พร้อมกับนำรถยกมาเก็บกู้รถยนต์ของนายเอ เพื่อเปิดการจราจร และนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่ สน. ก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายเอ เดินขึ้นไปบนรถของตำรวจ มีอาการเดินเซด้วยอาการมึนเมา ในมือยังถือกระป๋องเบียร์ขึ้นไปบนรถของเจ้าหน้าที่ด้วย โดยไม่มีความรู้สึกว่า นายเอ จะสำนึกในความผิดที่ตนก่อขึ้นในครั้งนี้ และเป็นการไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง

ขณะที่ พ.ต.อ.ศักดิเดช ผกก.สน.ท่าพระ กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่ามีเบียร์อยู่ภายในรถรวม 2 กระป๋อง ยังไม่ได้เปิด จึงให้ทำการเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย 2 ครั้ง ปริมาณเป็นศูนย์ จึงต้องส่งตัวไปตรวจเลือดเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลศิริราช โดยเพื่อนและผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ได้เดินทางมาหานายเอ แล้ว จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า นายเอมีอาการป่วยโรคประจำตัว ทั้งนี้ จึงต้องรอผลตรวจจากโรงพยาบาล เพื่อยืนยันว่ามีปริมาณเกินกฎหมายกำหนดหรือไม่ ก่อนแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.