เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด กทม. คุณลุงอายุ 65 ปี เจ้าของบริษัทชิปปิ้งแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบตามล่าตัวจนกลับบ้านไม่ได้ ต้องเร่ร่อนนอนตามป้ายรถเมล์ เนื่องจากกู้เงินจากยอดหนี้ที่ยืมมาเพียง 3 หมื่นบาท แต่ผ่านมาจ่ายดอกไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท

คุณลุงกล่าวว่า เปิดบริษัทชิปปิ้ง ที่ ชลบุรี ช่วง ก.ย.ปี 2563 แต่ต่อมามีปัญหาเรื่องการเงิน เลยเริ่มหยิบยืมจากญาติ แต่ก็ยังไม่พอ จึงเริ่มกู้เงินนอกระบบ จากแผ่นป้ายโฆษณาหน้าบริษัท เมื่อ ส.ค.ปี 65 จำนวน 30,000 บาท แต่มีการหักเงินไปก่อน 6,000 บาทและได้เงินมาเพียง 24,000 บาท แต่ยังต้องจ่ายเงินต้นเต็มจำนวนอยู่ จากนั้นก็ทยอยจ่ายดอกเบี้ยทุกวันในอัตราหมื่นละ 200 บาท หรือวันละ 600 บาท ผ่านมาซักระยะตนจ่ายหนี้ไม่ไหวและขาดส่ง เจ้าหนี้จึงแนะนำให้กู้เงินจากเจ้าหนี้รายใหม่ซึ่ง ตนเชื่อว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันเพื่อนำเงินมาจ่ายยอดเดิม แต่เมื่อปิดหนี้เดิมไม่ได้ เจ้าหนี้รายที่ 2 ก็แนะนำให้ไปกู้จากเจ้าหนี้รายที่ 3 ซึ่งต้องกู้วนอยู่แบบนี้ รวมถึงการจ่ายดอกก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

รวมถึงเจ้าหนี้บางรายยังให้ตนซื้อรถจยย.เป็นชื่อของตนอีก 2 คัน รวมกว่า 2 แสนบาท เพื่อเป็นการใช้หนี้ แต่ตอนนี้มอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันได้ออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งตนก็ยังต้องผ่อนทั้ง 2 คันอยู่ บางวันต้องจ่ายดอกสูงถึงวันละกว่า 20,000 บาท จนทำให้เป็นหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหมด 37 เจ้า ภายใน 8 เดือน นับตั้งแต่เดิน ส.ค. ปี 65 แต่ขณะนี้สามารถปิดหนี้ได้แล้ว 8 เจ้า คงเหลืออีก 29 เจ้า โดยขณะนี้จ่ายดอกไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ส่วนยอดหนี้โดยรวมกว่า 300,000 บาท

ลุงระบุว่า หยิบยืมเงินมาหมดแล้วทั้งญาติ เพื่อน พี่น้อง และลูก ๆ จนหมดหนทาง ทั้งยังต้องคอยหนีเจ้าหนี้ซึ่งหนีมาแล้ว 3 ครั้ง เพราะเจ้าหนี้ข่มขู่ฆ่าและปิดล้อมบริษัท เมื่อไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ ตำรวจก็แนะนำให้ลุงย้ายไปอยู่ในพื้นที่อื่น เพราะกลุ่มเจ้าหนี้เป็นผู้มีอิทธิพล พรรคพวกเยอะ และไม่เกรงกลัวตำรวจในพื้นที่ ซึ่งการหนีมาครั้งนี้ตนได้ไปอาศัยนอนที่วัด ป้ายรถเมล์ รวมถึงโรงพยาบาล โดยต้องแอบอ้างเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน และเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนรู้สึกหมดหนทางเลยคิดจะกระโดดสะพานหวังฆ่าตัวตาย แต่มีคนมาเจอและพูดคุย จึงได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือที่เพจสายไหมต้องรอด

เมื่อถามว่าทำไมถึงไม่ไปกู้ยืมเงินในระบบ ลุงระบุว่าขณะนั้นบริษัทเพิ่งเปิด เลยไม่มีหลักทรัพย์ในการไปกู้ และสาเหตุที่ไม่ไปลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาลก็เพราะกลัวเจ้าหนี้ เนื่องจากตนเห็นข่าวที่มีเจ้าหนี้ไปพังร้านส้มตำ

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ในกรณีนี้จะได้ทำเป็นกรณีตัวอย่างในการเจรจาหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหมด โดยจะต้องมาดูยอดเงินกับเจ้าหนี้แต่ละรายว่าลุงได้มีการจ่ายดอกเบี้ยไปแล้วเท่าไหร่ หากมีการจ่ายดอกเบี้ยเกินเงินต้นไปแล้ว 3-4 เท่า ก็ถือว่าจบ แต่หากรายไหนลุงยังจ่ายดอกเบี้ยไม่เกินกับมูลหนี้ ก็เอาส่วนที่ยังเป็นหนี้มาพูดคุยกันว่าจะชำระอย่างไร แต่จะต้องคิดดอกเบี้ยในอัตราตามที่กฎหมายกำหนด โดยช่วงบ่ายวันนี้ ทางเพจสายไหมจะพาลุงไปลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาลที่จังหวัดชลบุรี พร้อมประสานไปยัง พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้การชลบุรี ให้ดูแลในเรื่องนี้และดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลแก๊งเงินกู้ในพื้นที่ด้วย