ส่วนเรื่องเศรษฐกิจปากท้องในประเทศ ก็เรื่องเกี่ยวกับมาตรการแก้หนี้ต่างๆ ทั้งหนี้นอกระบบและในระบบ ไอ้ที่น่าจะบ้งๆ ไปบ้างแล้ว ถูกเอามาเหน็บแนมบ่อยก็คือเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ตอนหาเสียงประกาศทำทันที แต่ไปๆ มาๆ “แก้สเปก” เสียเยอะ จะตั้งงบประมาณรายจ่าย ก็เปลี่ยนเป็นจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ ซึ่งไม่รู้ใครไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่

ในมิติด้านสังคม นายเศรษฐาก็กึ่งๆ จะประกาศทำสงครามกับยาเสพติด คาดว่า ราวๆ หลังคริสต์มาส (25 ธ.ค.) คงเห็นการแถลงมาตรการชัด เนื่องจากจะมีการเผาทำลายยาเสพติดของกลางจำนวนมาก ซึ่งเรื่องยาเสพติด นี่ต้องยอมรับว่าในไทยแพร่ระบาดมาก ยาบ้าขายกันราคาถูก คนเสพก็มีผลทางประสาท ทำงานไม่ได้ ไปถึงไล่ทำร้ายคนอื่น

แต่เรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างน่าสะเทือนใจ และอยากเห็นรัฐบาลประกาศเป็น “นโยบายสำคัญ” บ้าง คือเรื่องเกี่ยวกับ การล่วงละเมิดทางเพศ ปัจจุบัน เราแทบจะพบข่าวการข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศทุกวัน ที่ไม่เป็นข่าวก็มาก จนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวเคยออกมาใช้สื่อโซเชียลมีเดียเผยแพร่ว่า ประเทศไทยอันตรายสำหรับผู้หญิงที่เดินทางมาคนเดียว

การล่วงละเมิดทางเพศและการข่มขืน เยาวชนตกเป็นเหยื่อเยอะ กรณีเยาวชน ส่วนมากผู้ก่อเหตุเป็นคนในครอบครัว ที่ใช้อำนาจเหนือกว่าในการปิดปากผู้ถูกกระทำ นอกบ้านก็ไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับเยาวชนอีก แม้แต่ในพื้นที่โรงเรียน อาจโดยกลุ่มเด็กที่มีอำนาจเหนือกว่า ล่วงละเมิดทางเพศ หรือครู ซึ่งกรณีเยาวชนที่โดน “ไม่เฉพาะว่าต้องเป็นผู้หญิง”

ในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ อดีต สส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็มีการผลักดันให้มีกฎหมาย “ฉีดไข่ฝ่อ” สำหรับผู้ล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น ซึ่งตอนนี้ไม่ทราบว่านำมาใช้กับใครแล้วหรือไม่ ถ้าใช้ก็ต้องบอกชัดๆ แสดงผล กฎหมายเพื่อป้องกันอาชญากรรม ควรออกมาให้อาชญากรกลัว ไม่ใช่เห็นแล้วงั้นๆ

อย่างไรก็ตาม อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจจากข่าวนักมวยในช่วงไม่กี่วันนี้ คือ “กรณีกฎหมายคุ้มครองเยาวชนเกินไป” ในความเป็นเยาวชน เรายึดถือหลักให้โอกาส แต่บางทีก็อาจลืมๆ ไปบ้างว่า “เยาวชนบางคนโตมาแบบไหน” มาจากครอบครัวมีปัญหา หรือผ่านการบริโภคสื่อแล้วเกิดการเลียนแบบอย่างไร ไปจนถึงเอาอย่าง “รุ่นพี่”

มีการใช้ความเป็นเยาวชนในการหาผลประโยชน์ ทั้งเมื่อก่อน..เดี๋ยวนี้ก็มี คือตกลงปลงใจมีอะไรกันแล้วอีกฝ่ายโกหกอายุ จากนั้น วันรุ่งขึ้น เอาญาติมารุมขู่กรรโชกอีกฝ่าย เรียกร้องค่าเสียหายจำนวนมหาศาล เรียกว่า “ไม่ขอดูบัตรประชาชนก่อนมีอะไรกันก็ซวยไป” ถ้าจะอ้างบัตรหาย ก็ตั้งการ์ดระวังตัวไว้ก่อนเลย เพราะกระเป๋าถือมาได้ ทำไมบัตรใบเดียวพกไม่ได้

และยังมีพวกเยาวชนก่ออาชญากรรมหนัก จนบางทีน่าคิดว่า “เราให้โอกาสเยาวชนเกินกว่าควรจะได้รับหรือไม่” ตรงนี้ก็ต้องพูดคุยกันให้ตกผลึก ทั้งเพื่อคุ้มครองและเพื่อ “ดัดสันดาน” เยาวชนบางจำพวก เรื่องนี้หวังว่า รมว.ท็อป นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ดูแลเรื่องเด็กและสตรี จะมีนโยบายออกมา

ให้เป็นผลงานของพรรคชาติไทยพัฒนาบ้าง ไม่ใช่แค่ให้นายกฯ ต้องดูทุกอย่างครอบจักรวาล.