จากกรณีศาลจังหวัดมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาคดี นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น คดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ โดยศาลพิพากษา นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี พร้อมชำระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง ส่วน น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น ให้ยกฟ้อง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม ศาลมุกดาหารสั่งจำคุก ‘ลุงพล’ 20 ปี ชำระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง

ทั้งนี้จากคำพิพากษาฉบับเต็มที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษานั้น บางตอนได้ระบุถึงหลักฐานชิ้นสำคัญ ประกอบการตัดสินคดีซึ่งมีข้อพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญที่ตำรวจได้จากการตรวจสอบจุดพบศพน้องชมพู่ และภายในรถยนต์ของนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล คือ ผลการตรวจเส้นผมที่พบว่าถูกตัดแบบผิดธรรมชาติ ในที่เกิดเหตุพบร่างเสียชีวิตของน้องชมพู่ โดยเมื่อตรวจกับเส้นผมที่พบในรถของลุงพล ก็พบว่าตรงกันและยังเป็นเส้นผมที่เกิดจากการถูกตัดด้วยของมีคมชนิดเดียวกันอีกด้วย จึงเชื่อว่า ผู้ตายซึ่งมีอายุเพียง 3 ปีเศษ ไม่สามารถเดินขึ้นไปถึงบริเวณที่พบศพและใช้ของแข็งมีคมตัดเส้นผมของตนเองได้ แต่ต้องมีคนร้ายพาผู้ตายไป

นอกจากนี้ยังพบกับหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่มัดตัว ลุงพล นั่นก็คือ เส้นผม 16 เส้น และวัตถุพยานอื่นๆ ที่มีผลการตรวจสอบทางวิทยศาสตร์ ระบุว่า เส้นผมจากที่เกิดเหตุและในรถของ ลุงพล ถูกตัดด้วยของมีคมชนิดเดียวกัน โดยผลการตรวจสอบทำงวิทยาศาสตร์ประกอบกับคำเบิกความของพยานผู้เชี่ยวชาญปรากฏว่า เส้นผม 1 เส้น ที่ตกอยู่ในรถยนต์จำเลยที่ 1 มีองศาของรอยตัด หน้าตัด และพื้นผิวด้านข้างตรงกันกับเส้นผมผู้ตาย 2 เส้น ซึ่งตรวจเก็บได้จำกบริเวณที่พบศพผู้ตาย เส้นผมทั้ง 3 เส้น ดังกล่าว จึงถูกตัดในคราวเดียวกัน ด้วยวัตถุของแข็งมีคมชนิดเดียวกัน เชื่อว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้ของแข็งมีคมตัดเส้นผมผู้ตาย แต่ด้วยเหตุที่เส้นผม มีขนาดเล็กมาก จำเลยที่ 1 จึงไม่สังเกตว่ามีเส้นผมผู้ตายเส้นหนึ่งตกอยู่ในรถยนต์ของตนด้วย