วันที่ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง วันนี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 72,119/2566 ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 เป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ท. กับพวกรวม 9 คน จำเลย ทั้งสองคดีศาลสั่งรวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเก้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91, 147, 157, 371 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 24, 55, 72, 72 ทวิ, 73, 78 พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 15, 42 ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่องกำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ .2530 พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 54 ให้จำเลยทั้งเก้าคืนอาวุธปืนเล็กยาวแบบเอ็ม 16 เอ 1 (ปลย.เอ็ม16 เอ 1) (ไม่มีซองกระสุนปืน) จำนวน 71 กระบอก หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 1,483,900 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งเก้าให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งเก้าตามทางไต่สวนแล้ว ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1  เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147 เจ้าหน้าที่ทหารสืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนสงครามชนิดต่างๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ สืบสวนขยายผลจากภาพกล้องวงจรปิด และพยานที่เกี่ยวข้องสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องตามลำดับพบว่า มีการเก็บกุญแจคลังเก็บอาวุธไว้ในที่เดียวกันเพื่อง่ายต่อการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดนำกุญแจคลังเก็บอาวุธอาศัยจังหวะและโอกาสที่ตนเองทำหน้าที่เวรยามกระทำการสักลอบนำเอาอาวุธปืนออกจากคลังอาวุธ และมีเส้นทางการธุรกรรมการเงิน โอนเงินระหว่างจำเลย ด้วยกันแต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก และพบว่ามีจำเลยบางคนทำรายการถอนเงินสดหน้าธนาคารที่ได้รับมาจากภาพวงจรปิดกล้องของธนาคารต่างๆ เชื่อมโยงสัมพันธ์กันว่ามีการตกลงซื้อขายอาวุธปืน แต่ละช่วงเวลาที่มีการลักเอาและส่งมอบอาวุธปืนในแต่ละครั้ง ส่วนที่เหลือมีการชำระเป็นเงินสด เมื่อมีการส่งมอบอาวุธปืนในวันเกิดเหตุเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการส่งมอบกันจริงมีภาพวงจรปิดยืนยัน พยานหลักฐานของโจทก์สอดคล้องเชื่อมโยงตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้น การวินิจฉัยพยานหลักฐานของศาลฟังประกอบหลักฐานอื่น มิได้รับฟังแต่เพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังมีเหตุผลอันหนักแน่น แม้จะไม่สามารถยึดอาวุธปืนของกลางนำมาตรวจสอบได้ว่าเป็นอาวุธปืนจากคลังอาวุธที่ถูกลักไปหรือไม่ แต่ภาพที่บันทึกในโทรศัพท์ของจำเลยที่ 6-7 มีสัญลักษณ์ของ กองบัญชาการตำรวจ จำนวน 3 กระบอก มีหมายเลขอาวุธปืน 2 กระบอก ปะปนอยู่กับอาวุธปืนที่สูญหายอีก 71 กระบอก จึงเชื่อว่าเป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยที่ 1 กับพวกลักนำออกไป พยานหลักฐานของโจทย์ที่นำสืบและไต่สวนสามารถพิสูจน์ ความผิดของจำเลยผู้ทำความผิดได้ ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยแต่ละคนที่อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องนั้น เห็นว่า เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานของโจทก์ได้ ฟังได้ว่าจำเลยแต่ละคนรู้หน้าที่และบทบาทของกันและกันมีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนจำเลยที่ 9 ทางไต่สวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงระบุเส้นทางการเงินเกี่ยวพันจำเลยที่ 9 ทั้งไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนว่าจำเลยที่ 9 กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-8 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 6 ปี สองกระทงจำคุก 12 ปี การกระทำของจำเลย 2, 4, 6, 8 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 4 ปี สองกระทงจำคุกคนละ 8 ปี จำเลยที่ 1, 4, 6, 8 ทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานร่วมกันค้าหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนมาตรา 78 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 20 ปี จำเลยที่ 1, 4, 6, 8 กระทำผิดคนละสองกระทง จำคุกคนละ 40 ปี ส่วนจำเลยที่ 5 กระทำผิดสี่กระทงจำคุก 80 ปี การกระทำจำเลยที่ 3 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน มาตรา78วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 2 ปี สองกระทงรวมจำคุก 4 ปี และการกระทำจำเลยที่ 7 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นค้า หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 13 ปี 4 เดือน สองกระทงจำคุก 26 ปี 8 เดือน การกระทำของจำเลยที่ 1, 2, 4, 8 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 2 ปี การกระทำของจำเลยที่ 1, 2, 4, 8 กระทำผิดคนละสองกระทง จำคุกคนละ 4 ปี จำเลยที่ 5 กระทำผิดสี่กระทงจำคุก 8 ปี การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุนผู้อื่นให้พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 1 ปี 4 เดือน สองกระทงจำคุก 2 ปี 8 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 รวม 56 ปี จำคุกจำเลย 2, 4, 6, 8 รวมคนละ 52 ปี จำคุกจำเลยที่ 5 รวม 96 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 รวม 6 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 7 รวม 30 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 1-8 ให้การในชั้นซักถาม ชั้นสืบสวนและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 28 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 4, 6, 8 มีกำหนดคนละ 26 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 5 มีกำหนด 48 ปี จำคุกจำเลยที่ 7 มีกำหนด 15 ปี 4 เดือน และให้จำเลยที่ 1-8 คืนอาวุธปืนเล็กยาวแบบเอ็ม16 เอ1  (ไม่มีซองกระสุนปืน) จำนวน71กระบอก หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 1,483,900 บาท แก่ผู้เสียหาย ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 9 และคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก.