เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่สำนักกฎหมายธรรมรังสี นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น แถลงข่าวพร้อมทีมทนายความ โดยทนายความ อ่านแถลงการณ์ ระบุว่า “หลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาคดีน้องชมพู่ ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์และยังไม่ถึงที่สุด แต่มีบุคคลและสื่อจำนวนมากออกสื่อสร้างความเสียหายให้กับ ลุงพล-ป้าแต๋น รวมถึงคนในครอบครัวและทีมทนายความ ลุงพล ป้าแต๋น และทีมทนายความ จึงจะดำเนินคดีกับบุคคลและสื่อที่ทำให้เกิดความเสียหายทุกคน ทั้งทางแพ่งและทางอาญาจนถึงที่สุด” เป็นการแถลงข่าวเพียงสั้นๆ ก่อนที่ทนายความจะบอกว่า “จบการแถลงข่าว”

โดยหลังจากบอกว่า จบการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า แบบไหนจึงเข้าข่ายที่ป้าแต๋นและทีมทนายความจะฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งป้าแต๋น ระบุว่า ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ยังไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นสื่อใดหรือบุคคลใด พร้อมกับระบายว่า ตนเองและครอบครัวถูกกระทำด้านความรู้สึกมานานแล้ว จึงอยากออกมารักษาสิทธิ เพราะห่วงความรู้สึกลูก เนื่องจากลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เล่นโซเชียลมากขึ้น แม้ที่ผ่านมาลูกจะให้กำลังใจบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่ตนเองก็ยังกังวล

ส่วนเมื่อถามว่า เนื้อหาแบบไหนที่ทำให้ต้องมาดำเนินคดี ป้าแต๋น บอกว่า ช่องไหนที่นำเสนอตามความจริงและเป็นกลาง ก็จะไม่ดำเนินคดี แต่หากช่องไหนมีการบิดเบือน นำเสนอเรื่องที่ไม่จริง ก็ต้องดำเนินการ

เมื่อถามว่า เกี่ยวข้องกับผู้การแต้ม หรือ รายการโหนกระแส หรือไม่ ป้าแต๋น ยืนยันว่า ไม่เกี่ยว ไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินฟ้อง แต่บอกว่า มีบางสื่อที่เข้าข่าย แต่ต้องรอตรวจสอบก่อน หากหลังจากนี้พบว่ายังนำเสนอข้อมูลไม่จริงที่สร้างความเสียหาย ก็จะดำเนินคดี

ส่วนกรณีที่ผู้การแต้ม ยื่นสรรพากรให้ตรวจสอบรายได้นั้น ป้าแต๋น บอกว่า พร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริง ไม่ได้กังวลอะไร เป็นสิทธิของผู้การแต้มที่สามารถยื่นได้

ส่วนที่ตอนแรกแจ้งหมายข่าวว่า ลุงพลจะมาแถลงข่าวด้วย แต่สุดท้ายไม่มานั้น ป้าแต๋น บอกว่า อยากให้ลุงพลพักผ่อนและงดออกสื่อช่วงนี้ก่อน เพราะตั้งแต่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา ลุงพลก็ถูกโจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้ง YouTube และ TikTok ที่มีการนำเสนอข้อมูลเท็จสร้างความเสียหาย ทั้งที่คดียังไม่ถึงที่สุด

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า ป้าแต๋นปิดช่อง YouTube เพื่อเรียกร้องความสงสาร ยืนยันว่าไม่ได้ปิดช่องเอง แต่ทางยูทูบ อีเมลมาบอกว่าละเมิดกฎชุมชนทำให้ปิดช่องไปแต่ตอนนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว เพราะ YouTube ถือเป็นรายได้หลัก ซึ่งเมื่อมีปัญหาก็ต้องหารายได้ใหม่ ทั้งขายของและเปิดช่องใหม่ ซึ่งยังมีแฟนคลับที่ยังเชื่อใจ กลับมาติดตามเหมือนเดิม พร้อมยืนยัน ไม่ได้แตกหักกับยูทูบเบอร์ ไม่มีปัญหาส่วนตัวกัน ต่างคนต่างแยกย้ายทำคอนเทนต์ในช่องของตัวเอง ไม่ได้แบ่งรายได้กัน

ส่วนความคืบหน้าในการอุทธรณ์คดี ทนายความ บอกว่า ขณะนี้ยังรอคัดคำพิพากษาฉบับเต็มจากศาล โดยแนวทางการต่อสู้จะใช้หลักฐานเก่าในการอุทธรณ์