เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งได้โพสต์ภาพด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งมีบางอย่างในภาพลักษณะคล้ายวิญญาณผู้หญิงชุดขาว ผมยาวสีดำ ยืนอยู่ข้างเสาป้ายทางเข้าหมู่บ้าน พร้อมข้อความระบุว่า “มันคืออะไรเหรอช่วยบอกที ตามองไม่ชัด” ซึ่งภายหลังมีการโพสต์เฟซบุ๊ก มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปดังกล่าวจำนวนมาก มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อว่าเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณ หลายคนบอกว่าเป็นภาพตัดต่อ โดยภายหลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เจ้าของภาพดังกล่าว ได้ทำการลบโพสต์ออกไปแล้ว และได้มีการตอบถึงภาพดังกล่าวว่าไม่ใช่ภาพตัดต่อ แต่เพื่อความสบายใจของทุกคนจึงลบออกไป

โดยระบุข้อความว่า “ก็คือจริงๆ แล้ว มันเป็นภาพที่ผมถ่ายวันที่ผมไปส่ง Daily ให้ลูกค้า เป็นถนนเส้นที่ผมขับรถผ่านเป็นประจำครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่ามีหรือไม่มี (สิ่งที่เราพิสูจน์ไม่ได้) แต่ผมยืนยันว่าภาพถ่ายนั้นผมไม่ได้ตัดต่อครับ โปรดใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคลนะครับ ผมไม่มีเจตนาที่จะลบหลู่ หรือทำให้เข้าใจผิดกันและทะเลาะกันนะครับ สุดท้ายผมขออนุญาตลบโพสต์นั้นออกนะครับเพื่อความสบายใจ หวังว่าคงเข้าใจผมนะครับ”

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดที่ระบุว่าเป็นถ่ายภาพติดวิญญาณ เป็นหน้าทางเข้าหมู่บ้านสำโรง หมู่ 11 และ หมู่ 12 มีทั้งหมดประมาณ 300 หลังคาเรือน และจุดที่ปรากฏในภาพนั้น เป็นบริเวณเสาเหล็กป้ายทางเข้าหมู่บ้าน ใกล้กับโรงเรียนบ้านสำโรง และภายในหมู่บ้านพบว่าบ้านทุกหลังจะมีเสื้อสีแดงแขวนอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน บางหลังมีการทาสีรั้วเป็นสีแดง ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านว่าเป็นการป้องกันภูตผีปิศาจ ที่จะมาเอาวิญญาณของคนในหมู่บ้านไป หลังจากที่คนในหมู่บ้านเสียชีวิตต่อเนื่องกัน 10 ศพ ในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน และล่าสุดเพิ่งจะเก็บกระดูก ทำบุญให้คนตายเมื่อวานที่ผ่านมา

นายธนนพพงษ์ เฉลิมศรีกร หรือครูเทียน อายุ 46 ปี คุณครูของโรงเรียนบ้านสำโรง และเป็นชาวบ้านบ้านสำโรง บ้านเลขที่ 211 หมู่ 12 ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่กับนักเรียนช่วงพักของโรงเรียน โดยนักเรียนหลายคนได้มีการผูกฝ้ายสายสิญจน์เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายด้วย

นายธนนพพงษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มองได้หลายมุมทั้งหลักไสยศาสตร์และหลักวิทยาศาสตร์ แต่ในพื้นที่เองก็มีเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ โดยจะเห็นชาวบ้านทุกหลังในพื้นที่จะแขวนเสื้อแดงเอาไว้ เพื่อเป็นการแก้เคล็ด ภายหลังจากชาวบ้านในพื้นที่ทั้งชายทั้งหญิงทั้งวัยรุ่นทั้งคนแก่ ต่างทยอยตายตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. 66 จนรายล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา เพิ่งจะทำการเก็บกระดูกและทำบุญให้กับคนตาย

“บางรายเกิดอุบัติเหตุ บางรายสูงอายุ บางรายเป็นคนแข็งแรงแต่ก็ตายกะทันหัน โดยทางวิทยาศาสตร์บอกว่าเส้นเลือดในสมองแตก นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในหมู่บ้านที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ เล่าให้ฟังว่า ฝันเห็นยมทูตมาบอกว่าจะเอาชีวิตคนในหมู่หมู่บ้านไป 12 คน และตอนนี้ได้ 10 คนแล้ว ทำให้ในพื้นที่เอง ชาวบ้านต่างต้องมาพูดคุยกัน โดยได้ปรึกษา ฤๅษีคัมภีร์ คัมภีรปัญโญ ซึ่งเป็นผู้ทำพิธีตั้งหลักเสาบ้านให้กับหมู่บ้านทั้งสี่ทิศ แต่เสาหลักบ้านทั้งสี่ทิศนั้นล้มแล้ว เนื่องจากมีคนในหมู่บ้านทำผิดจารีตประเพณีข้อตกลงร่วมกันของหมู่บ้าน ทั้งห้ามขนฟืนวันพระ ห้ามเอาศพผีตายโหงเข้าในหมู่บ้าน ห้ามฆ่าสัตว์สี่เท้าในหมู่บ้าน ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อตกลงร่วมกัน หากใครฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับเงิน 1,000 บาท กระทั่งมีผู้ฝ่าฝืนและเกิดเหตุมีคนตายต่อเนื่องกัน 10 ศพ ในระยะเวลาหนึ่งเดือน และมาพบภาพถ่ายติดวิญญาณนี้อีก ยิ่งทำให้ชาวบ้านผวากันเป็นจำนวนมาก”

นายธนนพพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า คนในหมู่บ้านต่างพูดคุยกันและหาวิธีแก้เคล็ด โดยได้ปรึกษาฤาษีคัมภีร์ ซึ่งจะนำเสื้อแดงมาแขวนไว้ที่หน้าบ้านทุกหลังคาเรือน บางคนทาเล็บแดง ทาปากแดง และหาเครื่องรางของขลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาห้อยคอ หรือผูกฝ้ายผูกแขนเพื่อป้องกันภูตผีปิศาจ และจะรอทำพิธีตั้งเสาหลักบ้านในเดือนสาม โดยฤาษีคัมภีร์ จะเป็นผู้ทำพิธีตั้งเสาหลักหมู่บ้านให้ทั้งสี่ทิศ

ขณะที่ นางยุพิน สังอร อายุ 52 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูจุดที่ถ่ายติดบางอย่างที่ระบุว่าเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณ ซึ่งจะเป็นมุมกล้องที่ถ่ายจากทางด้านสะพานข้ามคลองชลประทาน หันหน้าเข้าประตูทางเข้าหมู่บ้านสำโรง โดยจะเห็นเสาเหล็กของป้ายหมู่บ้าน และข้างในจะเป็นรั้วโรงเรียนบ้านสำโรง

นางยุพิน กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อเรื่องภาพถ่ายดังกล่าวเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณ เพราะในพื้นที่เองก็มีเหตุการณ์คนตายต่อเนื่อง 10 ศพ ในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว ชาวบ้านจึงได้นำเสื้อแดงมาแขวนเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันผีแม่ม่ายด้วย โดยคนที่ตายในหมู่บ้านนั้นไม่ใช่เฉพาะผู้ชาย ผู้หญิงก็มี และเป็นเด็กวัยรุ่นก็มี เพื่อความสบายใจ ชาวบ้านก็นำเสื้อแดงเครื่องรางของขลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาไว้ข้างตัว และในพื้นที่ไม่เคยมีใครเสียชีวิตในจุดนี้ มีเพียงอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงกับเสียชีวิต โดยในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการรับชมและพูดคุยกัน