เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ร.ต.อ อำนวย หนองหาน รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.คูเมือง ว่าพบศพอยู่ข้างทางจำนวน 2 ศพ จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นถนน 4 เลน มีเกาะกลางถนนเส้นคูเมือง-บุรีรัมย์ บริเวณช่วงโค้งป่าดงเค็ง ขาเข้าตัว อ.คูเมือง พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ แดง หมายเลขทะเบียน 1 กฉ 7354 บุรีรัมย์ อัดก๊อบปี้กับเสาไฟฟ้าข้างทาง สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบศพนายสุริยะ หรืออ้า เกงขุนทด อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 3 บ้านวังปลัด ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ และนายธเนศ หรือฮัท เพชรมะดัน อายุ 18 ปี บ้านเลขที่ 99 หมู่ 10 บ้านแสนสุข ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ นอนเสียชีวิตทั้ง 2 คน สภาพศพขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 5 วัน

สอบถามนายหนุ่ม (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งพบศพเป็นคนแรกเล่าว่า ตนเองขี่รถจักรยานยนต์จะไปทำธุระในตัว อ.คูเมือง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้กลิ่นเหมือนซากศพมนุษย์ จึงจอดรถและเดินหา จึงมาพบศพและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ

นางอาจ เกงขุนทด อายุ 58 ปี ย่านายอ้า เล่าว่า หลานชายขี่ จยย. ออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา บอกแต่เพียงว่าจะไปรับเพื่อนที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง เพื่อจะพากันไปซื้ออะไหล่รถจักรยานยนต์ในตัว อ.เมืองบุรีรัมย์ แล้วหายไปติดต่อไม่ได้ จากนั้นได้ไปแจ้งคนหายไว้ที่ สภ.คูเมือง สุดท้ายมาทราบข่าวว่าหลานกลายเป็นศพอยู่ริมถนน

นางอุษา เพชรมะดัน อายุ 40 ปี แม่นายฮัท เล่าว่า ลูกชายทำงานรับจ้างกรีดยาง หลังแม่สามีโทรศัพท์แจ้งว่าลูกชายไม่เข้าบ้าน ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าลูกชายไปอยู่กับเพื่อน ต่อมาไม่สามารถติดต่อได้ จึงประกาศตามเพจต่างๆ เผื่อจะมีคนพบเจอ แต่ก็ไม่มีวี่แวว พยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่โทรฯ ไม่ติด แจ้งความหายเอาไว้แต่ไม่มีใครติดต่อมา ยอมรับว่ารู้สึกไม่ดีในตอนนั้น ยิ่งตอนที่ญาติโทรฯ มาสอบถามว่าที่บ้านได้จัดงานศพหรือไม่ เพราะฝันว่าตนเองใส่เสื้อผ้าสีดำ รุ่งเช้าวันถัดมา ยิ่งมาเห็นฝูงอีกาบินมาจับกลุ่มที่ศาลพระภูมิหน้าบ้าน แล้วส่งเสียงร้อง เหมือนจะบอกเหตุอะไรบางอย่าง สุดท้ายมาได้ข่าวร้ายว่าลูกชายเสียชีวิต

ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ คาดว่านายอ้า คนขี่น่าจะขี่รถมาด้วยความเร็ว จนรถเกิดการเสียหลักแหกโค้งชนเสาไฟฟ้า ประกอบกับบริเวณดังกล่าวไม่มีบ้านเรือนของชาวบ้าน และไม่มีคนเห็น จึงผ่านไปได้หลายวัน