เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นายรณรัตน์ ศิริมากร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตาดหมอก ต.นาป่า อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติตาดหมอก ได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ตม.1 โนนมะเกลือ ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนแบบบูรณาการ ตามแผนการลาดตระเวนกลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติตาดหมอก อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว

กระทั่งวันที่ 11 ม.ค.2567 ได้รับแจ้งจากหน่วยลาดตระเวนว่า ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.ขณะลาดตระเวนมาถึงบริเวณป่าพรมน้ำใส โป่งบง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว รอยต่ออุทยานแห่งชาติตาดหมอก ท้องที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ กับพื้นที่จ.ชัยภูมิ พบลูกช้างป่า 1 ตัว จมปลักอยู่ในโคลน และพบแม่ช้างวนเวียนอยู่ใกล้ๆกัน เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งแม่ช้างได้ถอยห่างออกไป ประเมินสถานการณ์แล้วว่าปลอดภัย

เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสินใจทำการช่วยเหลือลูกช้าง และพักแรมเพื่อเฝ้าดูโขลงช้างที่วนเวียนอยู่ไม่ไกลกลับมารับลูกช้าง ต่อมาวันที่ 12 ม.ค.2567 เวลาประมาณ 09.00 น. ได้สังเกตพบว่าได้มีโขลงช้างเข้ามาใกล้บริเวณจุดพักและจุดที่ลูกช้างอยู่ ห่างประมาณ 100 เมตร จึงได้รีบถอนกำลังออกจากจุดดังกล่าว เพื่อให้โขลงช้างมารับลูกช้าง เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งโขลงช้างเคลื่อนตัวเข้าป่า มั่นใจว่าแม่ช้างเดินกลับมารับลูก จึงออกลาดตระเวนต่อไป

นายรณรัตน์ เปิดเผยอีกว่า ขณะที่พบลูกช้างจมปลักอยู่นั้น ดินโคลนบริเวณโดยรอบเริ่มแห้งแล้ว แสดงว่าลูกช้างตัวดังกล่าวติดอยู่ในบ่อโคลนนานแล้วและมีท่าทางอิดโรย แต่แม่ช้างก็พยายามช่วยแต่ไม่สามารถจะช่วยลูกช้างได้ ซึ่งตามหลักธรรมชาติของแม่ช้างจะมีอยู่ 2 กรณี คือ หากช่วยไม่ได้ก็จะปล่อยให้ลูกช้างติดอยู่ในบ่อโคลน ซึ่งก็อาจจะตายอยู่ในบ่อโคลน หรือไม่ก็กลายเป็นเหยื่อของสัตว์อื่นในระบบห่วงโซ่อาหาร และหลังจากเจ้าหน้าที่เฝ้าดูอยู่เป็นเวลานานเมื่อช่วยไม่ได้ แม่ช้างก็ได้เดินตามโขลงออกจากจุดดังกล่าวไป เจ้าหน้าที่เฝ้าดูสักพักและมั่นใจว่าโขลงช้างเดินออกไปไกลแล้ว จึงได้จัดกำลังเข้าช่วยเหลือโดยให้เจ้าหน้าที่อีกชุดคอยเฝ้าระวังอยู่โดยรอบ เพราะเกรงว่าโขลงช้างจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นอันตรายแก่ชุดเจ้าหน้าที่ที่กำลังช่วยเหลือลูกช้างอยู่ได้

หลังจากช่วยเหลือลูกช้างขึ้นมาได้สำเร็จได้เฝ้ารอดูว่าโขลงช้างจะกลับมารับลูกช้างหรือไม่ รวมทั้งได้ออกเดินหา ปรากฏว่ารอจนกระทั่งเย็นไม่มีวี่แววของโขลงช้างที่จะมารับลูกเลย ในขณะที่ลูกช้างตัวดังกล่าวก็วิ่งเล่นซุกซนกับเจ้าหน้าที่เหมือนกับเด็กๆ ไม่มีความกลัวเลย เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งแคมป์นอนอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ กับบ่อโคลน ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะหากโขลงช้างกลับมารับลูกในตอนกลางคืนก็จะยิ่งเป็นอันตราย แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้จัดเวรยามเพื่อป้องกันอย่างเต็มที่กระทั่งเช้าก็ยังไม่พบว่ามีโขลงช้างที่จะมารับลูกช้างเลย จึงได้เตรียมตัวที่จะนำลูกช้างกลับออกมา เพื่อนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงได้ดูแลอภิบาลต่อไป

ในขณะที่กำลังจะเดินทางออกจากจุดดังกล่าว ก็ได้ยินเสียงช้างร้องจึงคาดว่าน่าจะเป็นโขลงของแม่ช้าง จึงถอนกำลังออกมาเฝ้าดูอยู่ห่างๆ รอสักพักก็พบว่ามีโขลงช้างเดินมาที่บริเวณดังกล่าวจริงๆ พร้อมกับมีแม่ช้างเดินแยกตัวจากโขลงมาหาลูกช้างป่า เมื่อลูกช้างเห็นแม่ช้างก็ได้วิ่งเข้าไปหา จากนั้นแม่ช้างก็ได้เดินพาเข้าโขลง และเดินหายเข้าไปในป่า ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้เฝ้าดูอยู่ตลอดว่า จะเป็นแม่ช้างจริงๆ หรือไม่ เมื่อพบว่าช้างเป็นแม่ลูกกันจึงได้ออกเดินทางลาดตระเวนตามภารกิจต่อไป