จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ได้จับกุมตัวนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ เฮียเก้า 1 ใน 5 ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีตีนไก่สวมสิทธิ หรือคดีพิเศษที่ 127/2566 ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560, พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558, ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังเดินทางมาจากประเทศจีน เข้าราชอาณาจักรไทย ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ขอต่อสู้คดี ก่อนพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบปากคำเข้มข้นกว่า 30 ประเด็นในกรณีที่เฮียเก้าเกี่ยวข้องกับขบวนการส่งขายตีนไก่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ได้นัดหมายพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อนและคดีตีนไก่สวมสิทธิ เข้าร่วมประชุม หารือความคืบหน้าทางคดีและการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั่งหัวโต๊ะการประชุม เพื่อพิจารณาเตรียมเชิญข้าราชการระดับสูง และข้าราชการหน่วยงานของรัฐในการเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง เนื้อวัว ตีนไก่ ชิ้นส่วนไก่ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 จนถึงปัจจุบัน สำหรับการขยายผลหาผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดเพิ่มเติม

โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยถึงผลการสอบปากคำเฮียเก้า ว่า วานนี้คณะพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนาน 6 ชม. ตั้งแต่เวลา 17.00-23.00 น. โดยเป็นการสอบถามใน 30 ประเด็น บันทึกถ้อยคำให้การกว่า 40 หน้ากระดาษ ซึ่งใน 30 ประเด็นจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งขายตีนไก่ไปจำหน่ายประเทศจีน ส่วนในประเด็นอื่น ๆ ที่ผู้ต้องหาไม่ได้ตอบ จะทำการส่งเป็นเอกสารชี้แจงในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการรู้จักกันหรือมีความสัมพันธ์กับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของเฮียเก้านั้น เจ้าตัวให้การว่ารู้จักกันมานาน เพราะประกอบธุรกิจส่งออกสินค้าทางการเกษตร จึงต้องเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวง

ส่วนกรณีของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.เกษตรฯ เฮียเก้า ให้การว่า เป็นการรู้จักกันในรุ่นปู่เพราะว่าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ประเทศจีนด้วยกัน ที่รู้จักกันก็เพราะมีการใช้นามสกุลแซ่เดียวกันเท่านั้น จึงมีบ้างที่อาจมีการไปมาหาสู่กันปกติ แต่ในช่วงที่เฮียเก้าต้องการเข้ามาทำงานและลงหลักปักฐานที่ประเทศไทย เฮียเก้าจึงไปติดต่อกับนายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ (พี่ชายของนายเฉลิมชัย) ทั้งนี้ ในกรณีของนายสมเกียรติ กอไพศาล อดีตเลขาฯส่วนตัวของนายเฉลิมชัย เฮียเก้าไม่ได้ให้การในประเด็นนี้ จึงยังคงมีหลายคำถามที่ผู้ต้องหาประสงค์จะไปรวบรวมเอกสารมาชี้แจงในภายหลังแทน ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาจะตอบหรือไม่ให้การอย่างไรก็ได้

พ.ต.ต.ณฐพล เผยอีกว่า ส่วนกรณีของสองสามีภรรยา นายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร เชาว์วัย ผู้ต้องหาในคดีหมายจับเดียวกัน ซึ่งดีเอสไอได้จับกุมไปก่อนหน้าแล้วนั้น เฮียเก้ายืนยันว่าไม่รู้จัก แต่มีบางส่วนที่เฮียเก้าให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอยู่ เช่น มีการเปิดเผยรายชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการขายส่งตีนไก่ไปยังประเทศจีนเพิ่มเติม หรือมีขั้นตอนการติดต่อประสานงานกันอย่างไร ความเกี่ยวข้องกับกลุ่มข้าราชการ กลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชน แต่เราขอละเว้นการเปิดเผย เพราะต้องใช้ในการขยายผล ส่วนเรื่องสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย (Thai-Asia Economic Exchange Trade Association) ซึ่งมีเฮียเก้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคม เหตุใดรายชื่อที่ปรึกษาและกรรมการจึงมีแต่คนใหญ่คนโตในแวดวงทหาร นักการเมือง และตำรวจนั้น เฮียเก้าไม่ตอบคำถาม แต่จะขอกลับไปรวบรวมข้อมูลแล้วมาชี้แจงภายหลังเช่นกัน สำหรับกรณีของนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ลูกชายเฮียเก้าที่ยังอยู่ต่างประเทศ ไม่เข้ามอบตัวตามหมายจับนั้น เจ้าตัวยังไม่มีการติดต่อมาที่ดีเอสไอ แต่เฮียเก้าบอกเพียงแค่ว่าตัวเองเคยติดต่อไปหาลูกชายตอนเดินทางออกไปต่างประเทศ เมื่อครั้งยังไม่มีหมายจับ แต่เพราะอยู่กันคนละประเทศ จึงยังไม่สามารถติดต่อลูกชายได้

ส่วนประเด็นการประชุมในเช้าวันนี้นั้น พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า วาระการประชุมจะเป็นการวิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อจะได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ตามที่เรียนแจ้งข้างต้น อีกทั้งข้อมูลที่พนักงานสอบสวนได้จากการสอบปากคำเฮียเก้าก็อาจเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นได้ โดยเฉพาะในเรื่องตีนไก่สวมสิทธิไปขายประเทศจีน ส่วนหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะไปขยายผลในเรื่องหมูเถื่อน เพราะค่อนข้างมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากกว่าตีนไก่ เนื่องจากมีตัวละครจำนวนมาก ทั้งยังมีการตัดตอนกันไปก่อน

ต่อมาเวลา 09.50 น. พ.ต.ต.ยุทธนา รรท.อธิบดีดีเอสไอ ออกมาเปิดเผยภายหลังรับฟังวาระการประชุมของคณะพนักงานสอบสวน ว่า หลังช่วงเช้าได้หารือความคืบหน้าทางคดีและการรวบรวมพยานหลักฐานหลังจากกรณีของ “เฮียเก้า” ซึ่งผู้ต้องหาติดต่อขอมอบตัวให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง เบื้องต้นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และข้าราชการในสังกัด โดยไม่ได้เปิดเผยว่ารู้จักหรือสนิทกับบุคคลเหล่านี้ระดับไหน ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้ปากคำ

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า การเข้าให้ปากคำของเฮียเก้าซึ่งได้ติดต่อขอมอบตัวด้วยตัวเอง แสดงความบริสุทธิ์ต่อสู้ จึงได้รับสิทธิในการประกันตัวในชั้นสอบสวนในวงเงิน 200,000 บาท และได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรและห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และเจ้าหน้าที่จะขยายผลต่อจากคำให้การของเฮียเก้า โดยเฉพาะบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงในกระทรวงเกษตรฯ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคณะพนักงานสอบสวนอาจจะเชิญระดับรองอธิบดีกรมปศุสัตว์มาให้ปากคำในฐานะพยานก่อน ส่วนระยะเวลานัดหมายขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ส่วนกรณีของนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ลูกชายของเฮียเก้า ผู้ต้องหาในคดีสวมสิทธิส่งออกตีนไก่ พนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับการติดต่อขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด.