เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ภายหลังโซเชียลมีการโพสต์ถ่ายภาพ “กระสือ” ขณะลอยอยู่บนฟ้าผ่านพื้นที่หน่วยกู้ชีพ อบต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ทำให้มีผู้สนใจวิพากษ์วิจารณ์และแชร์ภาพกันไปจำนวนมาก ต่อมาผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ไปยังหน่วยกู้ชีพ อบต.น้ำเขียว พบกับ นายสมพร สระหอม อายุ 52 ปี หน.หน่วยกู้ชีพ อบต.น้ำเขียว เล่าว่า ภาพที่มองเห็นรูปร่างคล้ายกระสือที่แพร่ในสื่อโซเชียลนั้น เป็นภาพที่ถ่ายได้บริเวณด้านทิศตะวันตกของหน่วยกู้ชีพ อบต.น้ำเขียว โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น เกิดขึ้นช่วงค่ำวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ถ่ายภาพโดย น.ส.ปนัดดา ศรีมารักษ์

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อ น.ส.ปนัดดา ศรีมารักษ์ อายุ 16 ปี เจ้าของคลิปภาพ เล่าว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.45 น.ของวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองกับแฟนได้ขี่รถจยย.มาจอดเล่นกับญาติ ๆ ที่เป็นหน่วยกู้ชีพ ขณะนั่งอยู่บนรถจยย. ตนสังเกตเห็นบรรยากาศบนท้องฟ้ามีดวงดาวปรากฏสวยงามจึงได้หยิบมือถือถ่ายภาพดวงดาวไว้ ขณะนั้นได้มองเห็นดวงไฟดวงหนึ่งใหญ่กว่าเพื่อนจึงได้ถ่ายไว้ ทีแรกนึกว่าเป็นโคมไฟ หลังจากนั้นได้นำภาพมาเปิดดูก็พบดวงไฟขนาดใหญ่ แต่เมื่อนำภาพให้แฟนเปิดขยายดูถึงต้องผงะเพราะภาพที่เห็นแฟนบอกว่าเป็นกระสือ ตนถึงกับตกใจร้องเสียงหลงทำให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้วยกันถึงกับแตกตื่นออกมา หลังดูรูปภาพแล้วถึงกับตะลึงตามๆ กัน

ด้านนายนิธิกันต์ จำปาจีน อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.น้ำเขียว เล่าว่า ตนเป็นคนโพสต์เผยแพร่ภาพเหล่านี้ออกไปเองซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะเป็นที่สนใจของผู้คนมากมายขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ในวันดังกล่าวผู้สื่อข่าวยังได้พบว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำธูปเทียนจุดบอกกล่าวแม่ขาวอันมุณีซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตภายในต้นประดู่ใหญ่ ในจุดบริเวณที่เกิดเหตุพบภาพกระสือดังกล่าว ซึ่งทุกคนเชื่อว่าด้วยพลังแม่ขาวที่สิงสถิตในต้นประดู่ได้ไล่กระสือให้หนีไป จึงได้จุดธูปบอกกล่าว ขณะที่ตำรวจ สภ.รัตนบุรี ได้ออกตรวจพื้นที่ต่างก็ยังไม่มั่นใจว่าภาพดังกล่าวจะเป็นภาพผีกระสือจริงหรือไม่

ขณะที่นายเฉลิม ไกรทอง อายุ 77 ปี เฒ่าจ้ำในหมู่บ้าน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบผีกระสือ แต่อาจจะมาจากพวกผีเร่ร่อนที่มาจากเจ้าของเลี้ยงดูไม่ดี ดูแลไม่ค่อยได้ อาจจะมาจากรักษาของไม่ได้ทำให้สิ่งเหล่านี้ออกหากินก็เป็นไปได้ แต่สำหรับตนเคยเห็นแต่อยู่ตามท้องนา แต่ในหมู่บ้านไม่เคยเห็นมาก่อน

ในส่วนของชาวบ้านน้ำเขียว หลังจากทราบข่าวเรื่องนี้ต่างได้มีการวิจารณ์กันสนั่นว่าสิ่งเหล่านี้อาจมีอยู่จริงในหมู่บ้าน.