จากกรณีที่ สภ.บางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการพบศพชายวัย 33 นอนเสียชีวิต แต่งกายสวมเสื้อแขนยาวสีดำ สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีม่วง ถูกเชือกมัดมือ มัดเท้าและมีบาดแผลบริเวณกลางศีรษะ ถูกโยนร่างทิ้งไว้ที่บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ ขาเข้า กทม. ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน  ต่อมาทราบชื่อผู้ตายคือ  นายธนาสันต์ เตอั้น อายุ 33 ปี

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 30 ม.ค.ที่ ศาลแย้มเหมือน วัด คลองปลัดเปรียง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ น.ส.วรรณาพร หลักแหลม อายุ 33 ปี ภรรยา ผู้ตายพร้อมญาติ ได้รับศพนายธนาสันต์ เตอั้น อายุ 33 ปี สามี จากนิติเวช มาตั้งมาบำเพ็ญกุศล จำนวน 5 วัน โดยจะเผาวันอาทิตย์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า บรรดาเพื่อนและญาติต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดเหตุการณอย่างนี้ได้อย่างไร ทั้งที่คนตายเป็นคนดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รักครอบครัว

จากการสอบถาม น.ส.วรรณาพร กล่าวว่า เหตุสามีถูกฆ่าเป็นการชิงทรัพย์หรือไม่ เพราะมีทรัพย์สินหายไป รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ หายไป  โดยตนติดต่อกับแฟนตนครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงตีห้า ของวันอาทิตย์ ที่ 27 มกราคม 2567 โดยแชทคุยกันเรื่องที่แฟนของตนยอมรับว่า ทำผู้หญิงท้อง และทักมาขอเลิกกับตน ก่อนที่ตนจะพยายามสอบถามถึงเหตุผล จนกระทั่ง ไม่สามารถติดต่อแฟนของตนได้ จนตนเดินทางไปแจ้งความคนหายที่ สภ.บางปู เพื่อให้ช่วยตามหา ก่อนจะพบเป็นศพ ส่วนสาเหตุนั้นตนก็ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยปกติแฟนตนไม่มีศัตรูกับใคร นิสัยดี ไม่เล่นการพนัน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ วันเกิดเหตุสามีได้ออกจากบ้านพักย่านแพรกษา ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 22.06 น. เพื่อเดินทางออกไปทำงาน และได้หายตัวไปพร้อมรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีเทา ทะเบียน 3 ขฐ 1489 กรุงเทพมหานคร โดยขี่จยย.ออกมาจากบ้าน เพื่อไปทำงาน ซึ่งได้ขี่รถมาจอดที่บริเวณใต้สะพานข้ามถนนบางนาตราด ริมถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด)  กม.12  ขาเข้า กทม. เพื่อเดินข้ามสะพานลอยเพื่อขึ้นรถบัสไปทำงานที่นิคมอมตะนคร ชลบุรี แต่วันดังกล่าวสามีไม่ได้ขึ้นรถไปทำงาน คิดว่าน่าจะเกิดเหตุก่อนเดินทางถึงที่จอดรถดังกล่าว

ด้าน พ่อเลี้ยงผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายไม่เคยทะเลาะกับใคร ชาวบ้านก็รักเขาหมด ผู้ตายยกมือไหว้ทุกคนในซอยเดียวกันทุกครั้งที่ไปทำงานและกลับมา มีกับข้าวก็ทำแบ่งกันกินเมื่อเช้าตนออกมาจากบ้านไม่มีใครเชื่อเลยสักคนว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้ว เขาไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร ตนก็เดาไม่ถูกว่าที่เขาถูกกระทำจนตายเพราะอะไร

ขณะที่ นายเอ (นามสมมติ) น้องชายของผู้ตาย บอกว่า ตอนนี้ตนยังสงสัยการเสียชีวิตของพี่ชาย ประเด็นเรื่องชู้สาวตนบอกได้ว่าตัดออกไปได้เลย ตนก็ไม่ได้เข้าข้าง ถ้าไม่เชื่อไปถามใครดูก็ได้ เขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ ไม่ใช่คนหาผู้หญิงไปเรื่อยๆ คือแต่งงานกับเมีย เขาก็อยู่กับเมียยาวเลย พี่ชายตนไม่ใช่นักเลง ไม่ได้เป็นคนโผงผาง ไม่ใช่คนที่ดูเหมือนจะไปเอาเรื่องเอาราวใคร เขาเป็นคนทำงานไปกลับบ้านปกติ มีเวลาว่างก็สังสรรค์บ้าง หรือพาภรรยาไปเที่ยว ตอนแรกตนคิดว่าเป็นเรื่องชิงทรัพย์ เพราะคิดว่าคงโดนก่อเหตุระหว่างทางไปทำงาน

นายเอ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าคนที่มาเปลี่ยนภาพและโพสต์ในโปรไฟล์ของพี่ชายไม่ใช่พี่ชายแน่นอน และแชทที่คุยกับพี่สะใภ้ว่าขอเลิก เพราะทำผู้หญิงท้อง คือมันไม่ใช่สไตล์การพิมพ์ของพี่ ถ้าเราคุยกับเพื่อนเราบ่อยๆ ทุกวัน จะรู้ว่าสไตล์การพิมพ์ของเขาเป็นแบบไหน แต่ที่ตนอ่านดูแล้วมันไม่ใช่ คือการพิมพ์ การใช้ไวยากรณ์ การเขียนพิมพ์ การเขียนคำพูด มันไม่ใช่เขาเลย เพราะฉะนั้นการพิมพ์ต่างๆ ไม่ใช่เขาเลย  ตนรู้สึกเสียดายที่พี่ชายมาจากไปเร็ว เนื่องจากงวดรถก็กำลังจะหมด กำลังจะซื้อบ้านอยู่ เขาเป็นคนเดียวที่คอยสั่งสอนตนจนเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น เขาเป็นคนที่มีเหตุมีผล ตนไม่รู้ว่าทำไมพี่ต้องโดนแบบนั้นด้วย

นางละมัย เตอัน แม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ปกติลูกชายเขาจะไม่เป็นคนอย่างนี้ ที่จู่ ๆ จะหายไป เขาไม่ใช่คนเกเร ตนก็คิดอยู่ว่าเขาจะไปไหน คิดอีกมุมนึงเดี๋ยวเขาก็กลับมา เขาน่าจะเคลียร์หรือเปล่า ลูกสาวก็โทรหาเขาตลอดทุกชั่วโมง จนเมื่อช่วงเย็นเมื่อวานลูกสาวโทรมาบอกตน เขาทำแต่งาน เขามีปัญหาอะไรกับใคร ตนไม่รู้ เพราะตนอยู่ต่างจังหวัด ตั้งแต่พ่อเขาเสียเขาก็มาอยู่กับปู่ย่า ตั้งแต่ 6 ขวบ ตนก็ไม่รู้ว่าคนที่ก่อเหตุเขาโกรธแค้นอะไรลูกตน มันโหดร้ายมากเลยมัดมือมัดเท้า ตนอยากให้คนที่ทำได้รับกรรมมากเลย ภาวนาให้จับได้เร็ว ๆ ตนก็อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวคนร้ายได้เร็ว ๆ ตนก็อยากฝากถามคนก่อเหตุว่า เป็นอะไรมีเรื่องอะไรโกรธแค้นเรื่องอะไรทำไมต้องทำกันโหดร้ายขนาดนี้

พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า คดีนี้สอบปากคำภรรยา เพื่อนร่วมงาน และผู้เกี่ยวข้อง ไปแล้ว 7-8 ปาก และตรวจสอบไล่กล้องตามเส้นทางตั้งแต่บ้านที่ผู้ตายออกมา ว่าผู้ตายไปไหนบ้าง กับใคร อย่างไร ส่วนสภาพศพขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันบาดแผลได้ว่า ที่ศีรษะของผู้ตายถูกอาวุธชนิดใด ต้องรอผลจากทางนิติเวช ส่วนสาเหตุทางทีมสืบสวนยังไม่ตัดประเด็นประเด็นใดทิ้งแต่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวของผู้ตาย