จากกรณี นาย มณฑล เพ็ชรสังข์ อายุ 48 ปี ชายพิการชายพิการใช้รถโยกสามล้อจากจ.สุโขทัย เดินทางมาตามถนนสายเอเชียมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปที่กรมบัญชีกลาง กรุงเทพฯ เพื่อไปยืนยันตัวตน เนื่องจากถูกตัดสิทธิผู้พิการ และไม่มีบัตรประชาชน ถึงแม้หลายหน่วยงานจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการยินยันสิทธิของผู้พิการ เพราะไม่อยากให้เดินทางเข้ากรุงเทพ เกรงจะเกิดอันตราย แต่กลับถูกปฎิเสธ การช่วยเหลือในทุกด้าน ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ชายพิการโยกสามล้อไม่ยอมออกจากวัด ยันอยากเรียกร้องสิทธิแทนกลุ่มเปราะบาง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมณฑล โยกรถสามล้อวีแชร์ออกจากวัดตานิม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ซึ่งจุดมุ่งหมายปลายทางคือกรุงเทพร โดยตลอดเส้นทางบนถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพ หาก นายมณฑล พบเจ้าหน้าที่ ทุกหน่วยงาน หรือ ผู้สื่อข่าว จะจอดรถต่อว่าด่าแบบเกรี้ยวกราด ไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้องหรือเข้ามาใกล้ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขี่รถจยย.ติดตามต้องเว้นระยะให้อยู่ห่างๆ

โดยนายมณฑล โยกรถสามล้อมาได้ประมาณ 10 กิโลเมตร เห็นมีรถตู้ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คอยขับตามจึงโยกรถสามล้อวีแชร์แวะเข้าไปบริเวณ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ ริมถนนสายเอเชีย ช่องทางคู่ขนาน ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วจอดผู้สื่อข่าวจึงเข้าสอบถามถึงการที่จะเข้าไปในกรุงเทพ เรื่องสุขภาพร่างกาย แต่กลับถูกนายมณฑล เกรี้ยวกราดต่อว่าที่เข้าไปสอบถาม พร้อมกับใช้คำหยาบคาย แล้วโยกรถสามล้อวีแชร์ ออกจากไปริมถนนสายเอเชีย โดยจังหวะนั้น กลุ่มผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามทำข่าว ได้ถูกนายมณฑล ด่าด้วยคำหยาบคาย เอะอะโวยวายเสียงดัง พร้อมกับวกรถกลับ โยกรถเข้าพุ่งชนกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ถ่ายภาพบันทึกภาพจนต้องกระโดดหลบ กันจ้าละหวั่น

กระทั่งเวลา16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า นายมณฑล ได้หลบเข้าไปยัง วัดราชบำเพ็ญ ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ทันทีเมื่อนายมณฑล เห็นผู้สื่อข่าว และเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลสังเกตการณ์เรื่องความปลอดภัย ได้โวยวายด่ากราดเช่นเคยและไม่ขอตอบคำถามใด ๆ อ้างว่าไม่เคยเรียกร้อง ไม่ต้องการหน่วยงานใดๆมาช่วยเหลือ เพราะตอนแรกขอความช่วยเหลือไปกันตั้งแต่ต้น แต่ก็ไม่ต้องความสนใจ และไม่ขอตอบว่าเมื่อไหร่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

พระครูสังฆรักษ์ดุสิต จันทโชโต เจ้าอาวาสวัดราชบำเพ็ญ ได้พูดคุยกับนายมณฑล จนเริ่มมีอาการอ่อนลง พร้อมกับเปิดใจกับ กับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้หิวแสง ไม่ได้ต้องการเป็นข่าวดัง เพียงแต่ต้องการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ด้วยการโยกรถสามล้อคนพิการจากจังหวัดสุโขทัยมายังกรุงเทพฯ เพื่อมาทวงสิทธิให้กับคนพิการ ทั้งประเทศ เนื่องจากเชื่อว่ายังมีผู้พิการอีกจำนวนมากที่ถูกตัดสิทธิโดยไม่ชอบธรรม จึงต้องการจะโยกรถสามล้อคนพิการไปสอบถามกับนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เท่านั้น

นอกจากนี้นายมณฑล ยังได้ฝากกราบขอโทษสื่อมวลชนที่ได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงด่าทอ แต่อยากให้เข้าใจว่าตนไม่ได้นอนมาแล้ว 3 วัน รู้สึกเครียดและกังวลว่าสิ่งที่ทำนั้นจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ เพราะเกรงว่าถ้านักข่าวมาทำข่าว ก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาจำนวนมาก เกรงว่าจะมีการสกัดกั้นไม่ให้ตนเองไปถึงจุดหมาย ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า อยากจะฝากบอกสื่อทุกสำนักว่าขอให้ไปรอตนเองที่กรมบัญชีกลางและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หากเมื่อไหร่ที่เขาไปถึงแล้วจะแจ้งให้ผู้สื่อข่าวเข้ามาสัมภาษณ์สอบถามได้อย่างเต็มที่.