สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ว่า ล็อกบิต และกลุ่มที่เกี่ยวข้อง มุ่งเป้าโจมตีรัฐบาลในหลายประเทศ, บริษัทใหญ่, โรงเรียน และโรงพยาบาล ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการเรียกค่าไถ่หลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเหยื่อ

สำนักงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (เอ็นซีเอ) ซึ่งทำงานร่วมกับสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ), สำนักงานตำรวจสากลแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรโพล) และหน่วยงานอื่น ๆ จากอีก 9 ประเทศ ในปฏิบัติการ ที่เรียกว่า “โอเปอเรชั่น โครนอส” ระบุว่า ทางหน่วยงานได้แทรกซึมเครือข่ายของล็อกบิต และเข้าควบคุมบริการต่าง ๆ ของกลุ่ม

“เราแฮกโจมตีกลุ่มแฮกเกอร์ ควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน ยึดซอร์สโค้ด และได้รับคีย์ที่จะช่วยให้เหยื่อถอดรหัสระบบของพวกเขา” นายแกรม บิกการ์ อธิบดีของเอ็นซีเอ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงลอนดอน

ด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ระบุว่า หน่วยงานต่าง ๆ เข้าควบคุมเว็บไซต์สาธารณะจำนวนมาก ที่ล็อกบิตใช้เพื่อเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้ดูแลระบบของล็อกบิตใช้ด้วย ขณะที่ เอ็นซีเอ ยืนยันการได้รับคีย์ถอดรหัสมากกว่า 1,000 รหัส และจะติดต่อกับเหยื่อในสหราชอาณาจักร เพื่อให้การสนับสนุน และช่วยเหลือพวกเขา ในการกู้ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสต่อไป

ทั้งนี้ บิกการ์ กล่าวว่า การโจมตีทางไซเบอร์ทั้งหมดในปีที่ผ่านมา มีล็อกบิตเป็นตัวการอยู่เบื้องหลังประมาณ 25% ซึ่งเครือข่ายดังกล่าว พุ่งเป้าโจมตีเหยื่อมากกว่า 2,000 ราย และได้รับค่าไถ่มากกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,310 ล้านบาท) นับตั้งแต่มีการก่อตั้งกลุ่ม เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ.

เครดิตภาพ : AFP