เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา หมายเลขคดีดำ คม.27/2558 ที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามการค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายบรรณจง จงปองผล หรือ โกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา กับพวกรวม 103 คน ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ฯ ร่วมกันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งคดีนี้ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จำเลยที่ 54 ได้เสียชีวิตแล้ว

จากกรณีเมื่อเดือน ม.ค. 2554-1 พ.ค. 2558 จำเลยได้ร่วมกันหลอกขู่บังคับชาวบังกลาเทศ และชาวโรฮีนจากว่า 80 คน จากประเทศบังกลาเทศ และประเทศเมียนมา เข้ามายังประเทศไทย เพื่อเตรียมส่งไปทำงานประเทศมาเลเซีย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งเป็นนายหน้าชักชวนผู้เสียหายว่าจะส่งไปทำงาน ซึ่งมีทั้งผู้เสียหายที่หลงเชื่อและที่ไม่สมัครใจ โดยมีการใช้กำลังหรืออาวุธปืนประทุษร้ายและข่มขู่ผู้เสียหายด้วย และเมื่อรวบรวมผู้เสียหายได้ 200-500 คน ก็จะส่งขึ้นเรือลำใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่กลางทะเล ที่มีผู้ควบคุมโดยใช้อาวุธปืนไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนี จากนั้นจะมีเรือเล็กรับผู้เสียหายขึ้นฝั่งไปพักในเขต จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา โดยจะขายผู้เสียหายคิดเป็นเงินไทยคนละ 60,000-70,000 บาท

คดีนี้ศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2560 ซึ่งใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 540 หน้า นานร่วม 12 ชั่วโมง โดยตัดสินว่าให้จำคุก จำเลย 61 คน ตั้งแต่ 4-79 ปี และยกฟ้อง 40 คน

ส่วนศาลอุทธรณ์ สั่งแก้โทษ จำคุกจำเลยทั้งสิ้น 55 คน จากเดิมที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไว้ 61 คน ส่วนจำเลยที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง 40 ราย เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก้ในส่วนของจำเลยต่าง ๆ แล้ว คงเหลือจำเลยที่ศาลยกฟ้องเพียง 26 รายเท่านั้น

วันนี้ ศาลอาญา ได้เบิกตัวให้จำเลยที่ถูกคุมขังมาฟังและออกหมายเรียก จำเลยที่ได้รับการประกันตัว และจำเลยที่ศาลพิพากษายกฟ้อง มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

ขณะเดียวกัน วันนี้มีญาติของจำเลยเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาศาลฎีกาด้วย โดยศาลอาญาใช้ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด มีการจัดระเบียบให้ญาติเข้าไปร่วมฟังได้ 75 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อีก 16 คน และตำรวจศาล พนักงานรักษาความปลอดภัย ไปดูแลความเรียบร้อย

เมื่อถึงเวลานัด ศาลฎีกาได้อ่านกระบวนการพิจารณาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังศาลอาญา ที่จำเลยและญาติมาฟังคำพิพากษา โดยระบุว่า นายอาบู หรือ สจ.บู ฮะอุรา จำเลยที่ 14 เสียชีวิต ขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำคลองเปรม เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 65 เรือนจำจึงไม่อาจส่งตัวจำเลยต่อศาล เพื่อฟังคำพิพากษาได้ในวันนี้ โดยศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลอาญาดำเนินการไต่สวน เกี่ยวกับการเสียชีวิตของจำเลยที่ 14 และส่งให้ศาลฎีกาทราบต่อไป

ส่วนนายสมพล อาดำ จำเลยที่ 37 ทราบนัดแล้ว ไม่เดินทางมาศาล ศาลฎีกาจึงอาศัยอำนาจ ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. 2559 มาตรา 36 ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 37 เพื่อมาฟังคำพิพากษา

จึงให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นวันที่ 2 เม.ย. 2567 เวลา 09.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสมพล อาดำ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2566 ทางตำรวจแห่งชาติ ส่ง 4 ผู้ต้องหาชาวไทย ในคดีค้ามนุษย์ ให้กับทางการมาเลเซีย เพื่อไปดำเนินคดีที่ประเทศดังกล่าว หลังก่อเหตุฆ่าฝังดินแรงงานโรฮีนจา กลางป่าบนเขาแก้ว ในตำบลปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา โดยผู้ต้องหาที่ส่งตัวไป 1 ใน 4 มีชื่อนายสมพล อาดำ จำเลยที่ 37 ในคดีนี้ด้วย