สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ว่า เฮติ อยู่ในกลุ่มผู้ซื้อข้าวอันดับต้น ๆ ของสหรัฐ เช่นเดียวกับเม็กซิโก และญี่ปุ่น เนื่องจากข้าวนำเข้ามีราคาถูกกว่าข้าวที่ผลิตในประเทศ

แต่การศึกษาดังกล่าวพบว่า ความเข้มข้นของสารหนูและแคดเมียมโดยเฉลี่ยในข้าวนำเข้า สูงเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับข้าวที่ปลูกในเฮติ ซึ่งตัวอย่างข้าวนำเข้าบางส่วน มีปริมาณสารเหล่านี้เกินขีดจำกัดระหว่างประเทศ อีกทั้งตัวอย่างข้าวนำเข้าเกือบทั้งหมด ยังมีสารทั้งสองชนิดในระดับที่เกินคำแนะนำของคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) สำหรับการบริโภคของเด็กด้วย

นอกจากนี้ งานศึกษายังชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดที่ค่อนข้างหละหลวมของสหรัฐ เกี่ยวกับความเข้มข้นของสารหนูและแคดเมียม ซึ่งสามารถปนเปื้อนอาหารและน้ำ โดยเฉพาะข้าว เนื่องจากมันมีแนวโน้มที่จะดูดซับโลหะหนักเหล่านี้

เมื่อทีมนักวิจัยทำการศึกษา เมื่อปี 2563 พวกเขาพบว่า ชาวเฮติโดยเฉลี่ยบริโภคข้าว 85 กิโลกรัมต่อปี เมื่อเทียบกับชาวอเมริกันที่บริโภคข้าวเพียง 12 กิโลกรัมต่อปี นั่นจึงทำให้ชาวเฮติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชน มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น

“ข้าวสหรัฐที่หลั่งไหลเข้ามาในเฮติ ไม่เพียงสร้างความรุนแรงทางเศรษฐกิจต่อชาวเฮติซึ่งประสบความลำบาก ที่จะขายผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นของพวกเขา แต่มันยังมีความรุนแรงต่อสุขภาพของผู้บริโภคชาวเฮติ ในระยะยาวเช่นกัน” รายงาน ระบุเสริม

ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวเรียกร้องให้มีการสอบสวนทางจริยธรรมต่อผู้ส่งออกข้าวของสหรัฐ, การดำเนินการมาตรการต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างภาคส่วนเกษตรกรรมของเฮติ และการระบุถึง “ความต้องการที่เร่งด่วนอย่างยิ่ง” ในการส่งเสริมกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางอาหารของประเทศ.

เครดิตภาพ : AFP