เมื่อวันที่ 25 ก.พ. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัต สว.กก.5 บก.ปอศ. จับกุมนายคชภัค (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลอาญารัชดาฯ “ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน” ได้บริเวณคอนโดมิเนียมย่าน บางพลี จ.สมุทรปราการ

สืบเนื่องจากมิจฉาชีพกลุ่มนี้มี 4 คน ที่ถูกจับกุมไปบางส่วนแล้วก่อนหน้า มีพฤติการณ์ร่วมกันเปิดบริษัทขายกาแฟใช้ชื่อว่า บริษัท กาแฟแคชแบ็ค จำกัด แถลงข่าวเปิดตัวเมื่อวันที่ 22 ก.ย.61 อ้างว่าจับมือกับหน่วยงานราชการหลายหน่วย คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), กระทรวงพาณิชย์, กรมสรรพากร, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อีกทั้งกรรมการบริษัทอ้างว่ารู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งหน่วยงานและนายตำรวจที่ถูกแอบอ้างไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด

จากนั้นได้ชักชวนประชาชนให้สมัครเป็นสมาชิกกับบริษัทผ่านทางเว็บไซต์ www.cofcashback.com ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท จะได้รับรหัสสมาชิกและกาแฟ 3 กล่อง กล่องละ 350 บาท หรือสินค้าตัวอื่น เช่น ครีม หรือกระทะจักรพรรดิ และจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินจำนวน 2,050 บาท ต่อ 30 วัน แบ่งเป็น 6 งวดจ่ายทุกๆ 5 วัน ทำให้ประชาชนหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกจำนวนมากกว่า 86,000 รหัส ซึ่งมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท ช่วงแรกได้รับผลตอบแทนกลับมาเพียงเล็กน้อย บางรายชักชวนญาติพี่น้องมาสมัครด้วย

ต่อมาวันที่ 23 ต.ค.61 บริษัท กาแฟแคชแบ็ค ประกาศในเว็บไซต์ว่า บริษัทมีปัญหาจ่ายเงินให้สมาชิกไม่ได้ ขอคืนเงินทุนให้และเพิ่มอีก 20% ของเงินทุน โดยแบ่งจ่าย 4 รอบ ช่วง 27-31 ต.ค.61 แต่ไม่มีสมาชิกได้รับเงิน จากนั้นบริษัทได้ปิดตัวลงและปิดเว็บไซต์ พร้อมทั้งข่มขู่สมาชิกว่าถ้าใครไปแจ้งความจะฟ้องกลับฐานทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง และจะระงับรหัสไม่จ่ายเงินให้ มีประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อไม่ได้รับเงินเครียดจนเสียชีวิตถึง 3 คน

จากการสืบสวนพบว่าขบวนการมีการแบ่งหน้าที่กันทำ เช่น กลุ่มผู้สั่งการ กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มพนักงานทำหน้าที่ดูแลระบบ และบัญชี ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ทำหน้าที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์โดยทำหน้าที่กรอกข้อมูลของลูกค้ากระทั่งเจ้าหน้าที่ตามจับกุมส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีต่อไป