จน “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถึงกับเดือดดาลดับเครื่องชนกับ ส.ป.ก. พร้อมเปิดข้อมูลที่ชวนอึ้งว่า มีการกำหนดพื้นที่สำหรับการปฏิรูปที่ดินเข้ามาในเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ กว่า 2,933 ไร่ และบุคคลที่ได้รับเลือกเข้าทำประโยชน์ในเขต ส.ป.ก.ไม่เข้าข่ายการเป็นเกษตรกร
ร้อนถึง “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เจ้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องรุดลงพื้นที่เพื่อหย่าศึกที่เกิดขึ้น ตามด้วยฝ่ายกฎหมายของกระทรวงเกษตรฯ รับประกันว่าจะปกป้องเจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่มีข้อพิพาทกับกรมอุทยานฯ อย่างเต็มที่ ยิ่งเป็นการโหมกระพือเรื่องนี้ให้เป็นที่สนใจของคนในสังคมเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์เขาใหญ่ 22 องค์กร ออกค้านเต็มสูบไม่ให้ ส.ป.ก.มารุกล้ำพื้นที่มรดกโลกเด็ดขาด
ก่อนที่“บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรฯ กับ “ผู้กองธรรมนัส” 2 รมต.พรรคพลังประชารัฐจะนัดเคลียร์ปมปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งคอการเมืองมองว่าศึก ส.ป.ก.VS อุทยานฯ ครั้งนี้เป็นการวัดกำลังภายในพรรคพลังประชารัฐเอง ขณะที่ทั้งคู่ยืนยันว่าไม่มีอะไรในกอไผ่
ด้าน “ปลอดประสพ สุรัสวดี” ประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย ออกมาแจงสำทับว่าได้ตีเส้นแนวเขตอุทยานฯ เขาใหญ่บริเวณที่พบหมุดเจ้าปัญหาไว้ตั้งแต่สมัยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ตั้งคำถามว่าแล้วหมุด ส.ป.ก.ข้ามเขตเข้ามาได้อย่างไร ส่งคำเตือนถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่า “เขาใหญ่เป็นมรดกโลกและมีเจ้าพ่อ” ส่วนฝ่ายการเมืองก็อย่ายุ่ง หากยุ่งไปแล้วก็ให้ถอยเสีย เพราะเดี๋ยวจะเจ็บตัว
สุดท้ายเรื่องนี้ลงตัวที่ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียก 2 กระทรวงมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน จนปัญหาที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะ “จบสวย” รวดเร็วทันใจ เมื่อ “ผู้กองธรรมนัส” สั่งยุติการออก ส.ป.ก.ในพื้นที่กันชนเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่นๆ พร้อมคืนพื้นที่ให้กรมอุทยานฯ หากยังมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาพื้นที่ ส.ป.ก.ทับซ้อนเขตอุทยานฯ คงไม่ได้จบสวยแบบนี้ในทุกพื้นที่ ผลการตรวจสอบของกรมอุทยานฯ พบว่าใน 142 อุทยานฯ มีการออก ส.ป.ก.ทับซ้อนถึง 2 แสนกว่าไร่ แค่ในเขตอุทยานฯ ทับลาน อ.วังน้ำเขียว และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีการออก ส.ป.ก.ทับซ้อนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ปาเข้าไป 7-8 หมื่นไร่ ซ้ำขบวนการที่เกี่ยวข้องยังส่อเป็นกลุ่มคนเดียวกับที่ทำในพื้นที่อุทยานฯ เขาใหญ่ วนเวียนซ้ำซากมาหลายปี
ที่สำคัญไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เองเคยเกิดปัญหาพรรคการเมืองใหญ่ในขณะนั้น ส่วนเป็นพรรคไหนก็ลองไปสืบค้นกันดู เข้าไปจัดงานประชุมพรรคสังสรรค์ในรีสอร์ทที่มีปัญหา ส.ป.ก.รุกล้ำพื้นที่อุทยานฯ ทับลานจนเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไม่ต่างจากตอนนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่นายกรัฐมนตรีลงมาสอดส่องดูแลปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเอง เพราะขบวนการลักหลับงาบที่ป่าปราบอย่างไรก็ไม่จบไม่สิ้น และอย่าลืมว่าปัญหา ส.ป.ก.4-01 เป็นต้นเหตุให้บางรัฐบาลล้มมาแล้ว.