เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า  กมธ.ได้รับหมายจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากรณีที่มีการยื่นญัตติให้มีการพิจารณา เรื่อง การขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบ แผนและมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ซึ่งทาง กมธ.ได้ตั้งประเด็นเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานในการถวายความปลอดภัย ซึ่งวันนี้เราได้เชิญ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย แต่ติดภารกิจไม่สามารถมาชี้แจงได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบหมายให้รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล1 รวมถึง ผู้บังคับกองการอารักขา และควบคุมฝูงชน ได้เข้าชี้แจง โดยไม่ได้มีการลงลึกในรายละเอียดเนื่องจากตระหนักดีว่า การถวายอารักขาความปลอดภัยนั้น มอบอำนาจให้กับกรมราชองครักษ์เป็นผู้ออกกฎระเบียบต่างๆ ในการวางมาตรการถวายความปลอดภัย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงเพียงระเบียบของตำรวจ ทำตามระเบียบของกรมราชองครักษ์ชี้แนะเท่านั้น ไม่มีหน้าที่กำกับดูแลขั้นตอนการเสด็จ ทำให้คณะกมธ.ได้ข้อเท็จจริงว่า ขั้นตอนตามพ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 นั้นค่อนข้างมีความมั่นคงและเขียนไว้ครอบคลุมทุกประเด็น และอุดช่องโหว่ในเรื่องความปลอดภัยไว้หมดแล้ว เพียงแต่การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่นั้น ควรจะออกเป็นระเบียบอีกหนึ่งฉบับหรือไม่ ถือเป็นการบ้าน ฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว

นายปิยรัฐ กล่าวว่า ทางกมธ.ไม่ได้ติดใจในขั้นตอน แต่มีประเด็นเดียวที่กังวลคือ การที่เจ้าหน้าที่สื่อสารผิดพลาด เช่น กรณีที่กระทบต่อผู้ใช้เส้นทางสัญจรของประชาชน ทางกมธ.อยากให้ระมัดระวังในการสื่อสาร เช่น การปิดถนนการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวก หรือถวายความปลอดภัยที่อาจจะกระทบกระเทือนจิตใจต่อผู้ใช้ถนน จึงอยากให้มีการสื่อสารที่ดีขึ้น และระเบียบไหนที่ไม่เป็นไปตามพระราโชบาย ที่ไม่อยากให้ขบวนเสด็จไปกระทบกับประชาชน ก็ควรจะออกเป็นกฎระเบียบขึ้นมาให้เป็นกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม

นายปิยรัฐ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงว่ากำลังดำเนินการอยู่ โดยทำรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อกำหนดกฎระเบียบต่อไป นอกจากนี้ทาง กมธ.ยังเสนอว่า กรณีการแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่อาจจะตั้งใจและไม่ตั้งใจ ขัดขวางให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อขบวนเสด็จ อยากให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่ใช้แรงกดดันของสังคมไปตั้งข้อหาที่หนักเกินไป เพราะจะส่งผลกระทบต่อทุกฝ่ายไม่ใช่เพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น