ปัญหาการขาดดุลการค้า ยังเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจไทย ซึ่งตัวเลขเมื่อปี 66 ภาพรวมการส่งออกไทยปี 66 มีมูลค่า 284,561 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้า มูลค่า 289,754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดดุลการค้า 5,192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.99 แสนล้านบาท โดยประเทศไทยที่ขาดดุลการค้ามากสุดมาจากประเทศจีน โดยทั้ง 2 ประเทศมีมูลค่าการค้าร่วมกัน 104,964 ล้านดอลลาร์ แต่ไทยส่งออกไปจีน 34,164 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันนำเข้าจากจีน 70,800 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 36,635 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.4 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัญหาขาดดุลการค้าไทยยังคงรุนแรงต่อเนื่อง โดยสถิติการค้าไทยในเดือน ม.ค. 67 ซึ่งเดือนแรกของปี พบว่ายังมีการขาดดุลเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งแม้การส่งออกจะมีมูลค่า 22,649 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 10% สูงสุดในรอบ 19 เดือน แต่การนำเข้ากลับมีมูลค่าสูงกว่าถึง 25,407 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 2,757 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 106,107 ล้านบาท
สำหรับสถิติประเทศที่ไทยขาดดุลการค้าสูงสุด 10 อันดับแรกในเดือน ม.ค. 67 ได้แก่
- จีนขาดดุล 4,613 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.77 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ไทยขาดดุล 4,119 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ไต้หวัน ขาดดุล 1,541 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สวิตเซอร์แลนด์ 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 764 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เกาหลีใต้ 372 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ซาอุดีอาระเบีย 371 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- กาตาร์ 333 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ญี่ปุ่น 303 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- บราซิล 290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มาเลเซีย 268 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ทุกประเทศขาดดุลลดลงยกเว้นจีน ที่มีการขาดดุลเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยโครงสร้างนำเข้าสินค้าของไทยในเดือน ม.ค. 67 มาจากสินค้าเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ 4,268 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าทุน เช่น ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรกล เครื่องจักรไฟฟ้า 6,001 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 10.2% สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เช่น พืช เคมีภัณฑ์ เหล็ก พลาสติก 10,543 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แร่ เพิ่มขึ้น 10.4% สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น นม ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ กาแฟ เสื้อผ้ารองเท้า ของใช้เบ็ดเตล็ด มูลค่า 3,168 ล้านดอลลาร์ ยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง เช่น รถยนต์ รถบรรทุก 1,011 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 16.7% และอาวุธยุทธปัจจัย 415 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30.4%