ซึ่งภายหลังจากที่มีกระแสข่าวนี้ออกมา ก็เป็นเรื่องปกติที่สื่อมวลชนจะพุ่งเป้าไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อสอบถามหาความกระจ่างในเรื่องนี้ ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ก็ได้ให้คำตอบในเรื่องนี้ว่า ยังไม่มีแพลนที่ชัดเจน เพียงแต่พูดว่าอยากไปเชียงใหม่ ที่เป็นบ้านเกิดนานแล้ว อยากไปไหว้บรรพบุรุษ และระหว่างที่ นายทักษิณ อยู่ต่างประเทศ พี่สาวได้เสียชีวิต ซึ่งยังไม่เคยได้ไปไหว้

หลังจากวันที่ น.ส.แพทองธาร ออกมาเปิดเผยว่า คุณพ่ออยากเดินทางกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่ได้ไม่นาน ก็มีกำหนดการเบื้องต้นของ นายทักษิณ ออกมาว่า จะเดินทางไปที่ จ.เขียงใหม่ ในวันที่ 14 มี.ค. นี้ โดยจะเป็นการเดินทางไปไหว้สถูปบรรจุอัฐิบรรพบุรุษและพักผ่อนร่วมกับครอบครัวเท่านั้น โดยจะเดินทางกลับในช่วงเช้าของวันที่ 16 มี.ค.

แต่ก็เป็นที่น่าจับตามองว่า การเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ของ นายทักษิณ ครั้งนี้ จะมีนัยทางการเมืองหรือไม่ เพราะเนื่องจากขณะนี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่กำลังอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น อย่างเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อีกทั้งยังคาบเกี่ยวกับการเดินทางลงพื้นที่ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่จะเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ในคืนวันที่ 15 มี.ค. นี้ ด้วย

ด้าน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ​ คปท. กล่าวถึงกรณีนี้ว่า การเคลื่อนไหวนี้เป็นทางการเมือง ซึ่งอาจจะขัดกับที่คณะกรรมการพักโทษ ที่ออกมาระบุว่า นายทักษิณ ป่วยจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นายทักษิณใช้ชีวิตปกติ เหมือนคนทั่วไป นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน เนื่องจากมีผลคาบเกี่ยวทางการเมือง เพราะมองว่าการเดินทางไปเชียงใหม่ เพื่อไหว้บรรพบุรุษเป็นเพียงข้ออ้าง แต่ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ นายทักษิณ เดินทางไปครั้งนี้ เพื่อกระชับอำนาจของมวลชนคนเสื้อแดง เพราะมวลชนมีการออกมาขานรับว่า จะออกมาต้อนรับ นายทักษิณ เป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึงหากนายทักษิณ และนายกฯ ได้พบกัน มองว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐ เพราะ นายทักษิณ เป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย

ล่าสุด นายเศรษฐา ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า การลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของตน หากมีโอกาสก็จะเข้าพบนายทักษิณ ซึ่งตนก็ได้เจอกับ นายทักษิณ หนึ่งครั้งแล้ว เจอครั้งที่สองคงไม่เป็นไร เพราะเป็นคนรู้จักกันอยู่แล้ว หากสะดวกก็คงได้พบกัน และคงแวะเข้าไปพูดคุยเป็นธรรมดา

เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่จะต้องมาดูกันต่อไปว่า การเดินทางกลับบ้านเกิดของ นายทักษิณ ครั้งนี้ จะมีนัยทางการเมืองอย่างที่หลายฝ่ายกำลังเพ่งเล็ง หรือเป็นเพียงการเดินทางกลับบ้าน ภายหลังจากที่ไม่ได้กลับมายังประเทศไทย เป็นเวลา 17 ปี

แต่ก็ฉุกคิดไม่ได้เลยว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนายทักษิณครั้งนี้ จะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้กับพรรคเพื่อไทยเพิ่มมากขึ้น หรือจะเป็นการปูพรมแดงให้กับ น.ส.แพทองธาร ลูกสาวคนเล็ก เดินหน้าเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ให้ไปถึงตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายการเมืองหรือไม่ เพราะนี่คือสิ่งที่หลายคนก็มองเช่นเดียวกัน.